เก่าไป..ใหม่มา

   *สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า คงไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะรูปแบบการเล่นยังอิงกับความคาดหวังกำไรไตรมาส 2  เป็นหลัก จึงไม่มีใครกล้าทุ่มหมดหน้าตักเหมือนเช่นที่ผ่านมา ประกอบกับข่าวสารที่แพร่สะพัดในตลาดหุ้นมีแต่เรื่องโฆษณาชวนเชื่อ ส่งผลให้หุ้นที่มีการไล่ราคาในเที่ยวนี้เป็นเพียงกระแสบที่วูบวาบ ต่อจากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไปตามระเบียบนะคะ


เจาะกระดานหุ้น :โมนิก้าและทีมงาน

 

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า คงไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะรูปแบบการเล่นยังอิงกับความคาดหวังกำไรไตรมาส 2  เป็นหลัก จึงไม่มีใครกล้าทุ่มหมดหน้าตักเหมือนเช่นที่ผ่านมา ประกอบกับข่าวสารที่แพร่สะพัดในตลาดหุ้นมีแต่เรื่องโฆษณาชวนเชื่อ ส่งผลให้หุ้นที่มีการไล่ราคาในเที่ยวนี้เป็นเพียงกระแสบที่วูบวาบ ต่อจากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไปตามระเบียบนะคะ

*บรรยากาศตรงนี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” พยามบอกให้นักเล่นเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา เพราะรูปแบบการเล่นที่ดูหลากหลายในเบื้องต้น พอเอาเข้าจริงก็กลับสู่รูปแบบเดิมที่เคยเล่นกันมาแล้วหลายรอบ ส่งผลให้คนที่คิดจะเข้าเล่นต้องตื่นตัวตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นอาจพลาดช็อตเด็ดกีฬามันอย่างน่าเจ็บใจ หลังหุ้นหน้าเดิมๆ เริ่มกลับมาแผลงฤทธิ์อีกแล้วน่ะสิ

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นดัชนีแกว่งตัวไปมาตลอดเวลา ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,563.81 จุด ลบไป 2.84 จุด ด้วยมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ล้วนเป็นภาพในมุมเก่าที่นำมาฉายซ้ำหลายรอบด้วยกัน แต่ที่แตกต่างกันนิดหนึ่งในมุมนี้คือ หุ้นหน้าใหม่ที่ชอบโชว์ความสด ตอนนี้เริ่มออกอาการป้อแป้ ขณะที่หุ้นหน้าเก่าที่ชอบโชว์ความเก๋า ก็เริ่มแสดงบทบาทมากขึ้น จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องดูกันวันต่อวันพะยะค่ะ

*เหมือนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ EARTH เมื่อสัปดาห์ก่อนกับสัปดาห์นี้ ก็กลายเป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง แถมแรงขายที่ถล่มออกอย่างหนักหน่วง กลับแปรผันเป็นแรงซื้อจำนวนมหาศาล หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.33 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 10.80% ด้วยมูลค่า 2.10 พันล้านบาท พร้อมกับเกิดข่าวลือกระเส็นกระสายออกมาตลอดแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ต้อง “ฟังหู ไว้หู” นะจ๊ะ

*ประเด็นตรงนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ทำไมสถานการณ์ของบริษัทถึงเละเทะได้เพียงนี้ คำตอบที่ได้มี 2 อย่างด้วยกันคือ 1.ผู้บริหารยุ่งกับหุ้นมากเกินไป  2.ธุรกิจถ่านหินเลยจุดพีคมาแล้ว เมื่อทั้งสองส่วนมาปะกันพอดี ทุกอย่างเลยดูมีปัญหาไปหมด แต่ทันทีที่กูรูบางท่านออกมาชี้แนะแนวทางการแก้ปัญหา อาการโล่งใจถึงบังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนอาการดังกล่าวจะอยู่ได้นานแค่ไหน? ขึ้นอยู่กับแนวทางดังกล่าวเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่เจ้าค่ะ

*สำหรับรายที่มีส่วนพัวพันทำให้เกิดปัญหาในยามนี้ ทุกคนล้วนพุ่งเป้าไปยัง KTB เป็นอันดับแรกก่อนใครเพื่อน ว่ากันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้มาจากธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดภายใน (พูดง่ายๆ ก็คือ เล่นเกม) จึงหยุดปล่อยเงินทุนหมุนเวียนชั่วคราว ทั้งที่ลูกค้ารายนี้เป็นลูกหนี้ชั้นดี เหมือนเป็นการสะท้อนภาพหุ้นการเมืองได้เป็นอย่างดี ซึ่งพร้อมจะทำอะไรที่ไม่คาดฝันเป็นประจำ วานนี้ถึงเห็นหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ 18.80 บาท จริงเท็จอย่างไร? ลองติดตามข่าวกันอีกที…อิอิอิ

*ไหนๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นที่ชอบเล่นเกมขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ทุกท่านย้อนกลับมาดูน้องนก NOK  เพื่อเป็นวิทยาทานประกอบการลงทุนสักเล็กน้อย หลังหุ้นโดนเทเป็นวันที่ 2 จนหุ้นลงมานอนอยู่ที่ 4.26 บาท ลบไป 0.08 บาท ด้วยมูลค่า 39 ล้านบาท เท่ากับเป็นการสะท้อนว่า หุ้นที่มาด้วยเกมราคาเป็นหลัก มักมีจุดจบที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่! แถมวันนี้ยังมองไม่เห็นหนทางทำกำไร ก็ไม่ควรฝากความหวังไว้เยอะนะคะ

*ขนาดหุ้นขวัญใจวัยโจ๋ SUPER ก็ยังถูกเทขายไม่ยั้ง ทั้งที่ตัวเลขกำไรก็ออกมาดี “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องตั้งสติให้ดีเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้เขาประเมินกันว่า หุ้นจะลงไปตั้งฐานที่บริเวณ 1.30 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ 1.45 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 3.33% ด้วยมูลค่า 550 ล้านบาท ภาษาวงการหุ้นเขาเรียกอาการลักษณะนี้ว่า เมาหมัดจนหาทางกลับบ้านไม่เจอนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่มาแบบเหนือเมฆต้องยกให้เจ้าจำปี THAI ทะยานขึ้นมาปิดที่ 20.40 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 990 ล้านบาท ทั้งที่รูปแบบการบริหารงานก็เป็นแบบเดิมๆ สาระสำคัญที่จะทำให้บริษัททำกำไรแบบบูรณาการยังเป็นเรื่องที่ต้องดูปีต่อปี จึงเหมือนเป็นการเตือนผู้เล่นให้รู้ว่า รอบนี้ยังต้องเน้นทำชิ่ง 1  2 ต่อจากนั้นค่อยเปิดตูดหนีนะจะบอกให้

*ช็อตนี้เหมือนกับการเล่น AMATA หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่บริเวณ 18.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวต้านเก่าครั้งก่อนพอดีแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นแบบ 50-50 จึงไม่มีอะไรต้องคิดมากให้เปลืองสมอง เพราะเที่ยวนี้รู้แค่ว่า วันนี้ต้องไปต่อ เพื่อยกฐานให้สูงขึ้น..หากวันนี้ขึ้นไม่ไหว ก็ม้วนหางลงเท่านั้นเองเจ้าค่ะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ BOL กระชากขึ้นมาปิดที่ 2.32 บาท บวกไป 0.45 บาท  หรือขึ้นไป 24% ด้วยมูลค่า 195 ล้านบาท “โมนิก้า” มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็เป็นเพียงสงครามวันเดียว เพราะในอดีตก็เคยปรากกฏแท่งเทียนสีเขียวยาวเหยียด พอถัดมาอีกหนึ่งวันก็กลายเป็นแท่งเทียนสีแดง เดี๊ยนถึงอยากให้ผู้สาวขาเลาะหาจังหวะออกของตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อความสบายใจของตัวเองนะคะ

Back to top button