พาราสาวะถี
๑๑เป็นอันว่าโครงการรถไฟไทย-จีนภายใต้มาตรา 44 คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ ส่วนใครจะจับไปเทียบเคียงหรือบอกว่าแล้วรถไฟไทย-ญี่ปุ่น จะได้สิทธิ์เดียวกันนี้หรือไม่ อย่าเพิ่งไปพูดถึง เอาแค่ว่านับจากนี้ไปนอกเหนือจากรายการเดินหน้าประเทศไทยและรายการทุกคืนวันศุกร์ที่เรตติ้ง (การประหยัดไฟเพราะคนไม่ดูทีวี) กระฉูด เราจะได้เห็นรายการที่เกี่ยวข้องกับการชี้แจงเรื่องโครงการรถไฟไทย-จีนโดยเฉพาะเพิ่มขึ้นมา (ยัดเยียดให้ดู) อีกหนึ่งรายการ
อรชุน
เป็นอันว่าโครงการรถไฟไทย-จีนภายใต้มาตรา 44 คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ ส่วนใครจะจับไปเทียบเคียงหรือบอกว่าแล้วรถไฟไทย-ญี่ปุ่น จะได้สิทธิ์เดียวกันนี้หรือไม่ อย่าเพิ่งไปพูดถึง เอาแค่ว่านับจากนี้ไปนอกเหนือจากรายการเดินหน้าประเทศไทยและรายการทุกคืนวันศุกร์ที่เรตติ้ง (การประหยัดไฟเพราะคนไม่ดูทีวี) กระฉูด เราจะได้เห็นรายการที่เกี่ยวข้องกับการชี้แจงเรื่องโครงการรถไฟไทย-จีนโดยเฉพาะเพิ่มขึ้นมา (ยัดเยียดให้ดู) อีกหนึ่งรายการ
เพราะวันวาน มีคำสั่งให้บรรณาธิการข่าวของทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และรวมไปถึงระดับนำของกรมกร๊วกไปรับฟังการชี้แจงเรื่องโครงการรถไฟไทย-จีนที่กระทรวงคมนาคม งานนี้เป็นวาระงานเฉพาะ แน่นอนว่า ย่อมมีการมอบหมายภารกิจไปอธิบายความให้คนเข้าใจถึงประโยชน์ของโครงการและความจำเป็นในการต้องใช้มาตรายาวิเศษยกเลิกกฎหมายที่สำคัญนับ 10 ฉบับ
ลำพังการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสภาวิศวกรและสภาสถาปนิก ตรงนี้คนส่วนใหญ่รับได้เพราะเข้าใจในความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะของวิศวกรผู้ชำนาญการเรื่องรถไฟความเร็วสูงของจีน แต่ที่ไปยกเลิกกฎหมายเกี่ยวกับการประมูล การจัดซื้อจัดจ้าง แม้กระทั่งคำสั่งของหัวหน้าคสช.เองเพื่อกำกับดูแลให้การดำเนินโครงการที่ใช้งบประมาณของแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใสนั้น ตรงนี้ยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโต
อย่างที่บอกนั่นแหละ ไม่ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร แต่เมื่อท่านผู้นำทุบโต๊ะทำท่าถมึงทึงเข้าใส่ ทุกอย่างก็ต้องสงบราบคาบ อย่ามาต่อล้อต่อเถียงใดๆ ดังนั้น จึงต้องปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปตามท้องเรื่องที่เขาอยากจะให้เป็นอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ส่วนในอนาคตมันจะเกิดปัญหาหรือความเสียหายใดๆ ใครหน้าไหนก็อย่าทะลึ่งไปพูดถึงสิ่งที่มันยังไมเกิด แต่หากเกิดแล้วจะคนรับผิดชอบหรือเปล่า ถามวันนี้บอกได้คำเดียว”วังเวง”
วิสัยทัศน์สุดยอดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งการสนับสนุนให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป และ ถ้ายังมีเหตุความไม่สงบ เกิดระเบิดอีกก็อย่ามีเลือกตั้ง พร้อมพาดพิงไปถึง สมชัย ศรีสุทธิยากร ให้รู้จักเสียสละ จากคนเคยรักที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ด้วยวลีเด็ด ทำการใหญ่ให้ต้องเอียง นาทีนี้เหมือนคุยกันคนละภาษาร้องเพลงกันคนละคีย์
สมชัยวิจารณ์ปมไม่ต้องมีเลือกตั้งว่า เป็นการชี้นำในทางผิดอย่างชัดเจน การบอกเพียงแค่ว่าหากมีระเบิด ไม่ควรมีเลือกตั้ง ตรรกะเช่นนี้ นำไปสู่การส่งเสริมคนไม่อยากเลือกตั้งจะสร้างสถานการณ์ระเบิดเสียเอง เป็นตรรกะพาชาติบ้านเมืองพินาศ เมื่อมีระเบิดก็ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการหาคนร้ายมาลงโทษ และหามาตรการป้องกันมิให้เกิด ตรรกะหากมีระเบิด ไม่ต้องเลือกตั้ง เช่นนั้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงไม่มีการเลือกตั้งเป็นสิบๆปี
เรื่องเลือกตั้งนั้นในมุมตอบโต้เทพเทือกนั้นคนจำนวนไม่น้อยคงเห็นด้วยกับสมชัย แต่หากย้อนกลับไปเมื่อคราว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2557 หากวันนั้น 5 เสือกกต.มีใจเต็มร้อยจัดการเลือกตั้งอย่างเข้มแข็ง วันนี้ คงไม่ต้องมานั่งอมทุกข์ทั้งจากเรื่องที่จะถูกเซตซีโร่ และบ้านเมืองก็น่าจะเดินต่อบนถนนสายประชาธิปไตย เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามวิถีที่ควรจะเป็น
แต่เมื่อผู้มีอำนาจเต็มหลังจากรัฐบาลปกติยุบสภา กลับไม่ได้ใช้อำนาจนั้นตามครรลอง มิหนำซ้ำ ยังแอบปันใจ ฝักใฝ่กับการใช้กลวิธีที่แยบยล สมคบคิด สุมหัวกันจนนำไปประเทศก้าวไปสู่การรัฐประหารและตกอยู่ภายใต้การปกครองของอำนาจเผด็จการที่ชื่อคสช. วันนี้คนที่ได้ชื่อว่ากกต.มาโอดครวญหรือแสดงความเห็นเรื่องการเลือกตั้ง บอกได้คำเดียวว่า สมเพชเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนประเด็นให้เสียสละนั้น สมชัยก็อธิบายถึงเหตุผลของการไม่ยอมรับการปรับแก้กฎหมายว่าด้วยกกต.ของสนช.ว่า การให้เหตุผลต่อสาธารณะต้องรับฟังได้ ไม่ใช่กลิ้งไปเรื่อยๆ เช่น อ้างเรื่องคุณสมบัติบ้าง ปลาสองน้ำบ้าง โครงสร้างบ้าง และยังขาดการใช้ หลักการเดียวกันกับทุกองค์กร เป็นสองมาตรฐาน และอาจนำไปสู่การเข้ามาครอบงำองค์กรอิสระ รวมถึงเกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดการเลือกตั้งในอนาคต ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ อาจบานปลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในอนาคต
ไม่อยากจะบอกว่าในยามที่ตัวเองจนตรอกหรือถูกต้อนเข้ามุมอับ ทำไมถึงมีปัญญาคิดหาเหตุหาผลมาอธิบายได้อย่างลึกซึ้ง ประมาณว่าบรรลุในธรรม แต่ในยามที่ประเทศเผชิญวิกฤติ ซึ่งเป็นวิกฤติเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายอันชัดเจนว่าล้มรัฐบาลประชาธิปไตย ทำไมความห่วงใยต่ออนาคตของบ้านเมืองจึงไม่เกิดสำหรับผู้ที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกอย่างเดินบนถนนสายประชาธิปไตย
ตรงนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องน่าเสียดาย ส่วนท่าทีของเทพเทือกต้องฟังฝ่ายประชาธิปไตยอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่บอกว่า ไม่แปลกใจสุเทพพยายามแสดงตัวเป็นหุ้นส่วนอำนาจของคสช.มาตลอด คงคิดว่าไม่มีอะไรหอมหวานเท่ากับอยู่ในวงจรอำนาจ ที่ต่างคนต่างยกย่องพวกเดียวกันเองว่าเป็นคนดี กระบวนการตรวจสอบ เป็นอัมพาต เพราะเมื่อพ้นอำนาจก็มีกฎหมายนิรโทษกรรมรอไว้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คนที่เคยเห็นด้วยและเดินตามลุงกำนัน โดยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นนั้น ยังเชื่อแบบเดียวกันหรือไม่ เช่น เคยค้านระบบพวกพ้องเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ตอนนี้มีการแต่งตั้งพรรคพวก ลูก เมีย ญาติมิตร บริวารเต็มทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รังเกียจสส.กดบัตรแทนกันก็ได้สนช.ขาดลงมติมหาศาล นี่ใช่สิ่งที่หวังว่าจะเดินมาถึงใช่หรือไม่
วันนี้ยังข่มขู่ว่าจะขวางการเลือกตั้ง วางแนวทางต่อท่ออำนาจ ทั้งที่ความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนก็หาความหวังไม่ได้ การแก้ปัญหาที่ถูกทางของประเทศต้องทำบนหลักการประชาธิปไตย ส่วนพลเอกประยุทธ์ถ้าทำภารกิจปรองดอง ปฏิรูป ปราบคอร์รัปชั่นไม่สำเร็จก็ไม่ควรคิดไปต่อ แต่ควรชวนสุเทพไปนั่งคิดว่าที่ทำกันมาจนถึงวันนี้จะรับผิดชอบอย่างไร คนส่วนใหญ่น่าจะคิดเช่นนี้ ส่วนพวกหลับหูหลับตาสถาปนาตัวเองเป็นกลุ่มคนดีก็คงมีความสุขกับการหลอกตัวเองต่อไป แต่หลอกคนไทยทั้งชาติไม่ได้