รัฐราชการแทน ‘ทักษิณ’
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล พูดในสิ่งที่หลายคนเห็น แต่ทำให้เป็นระบบและมีน้ำหนักขึ้นว่า ชนชั้นนำภาครัฐจะกุมอำนาจต่อเนื่อง 9-10 ปี โดยมีไทยแลนด์ 4.0 และกลไกประชารัฐเป็น “มาสเตอร์แพลน” (หรือจุดขาย) ชิงเป็นฝ่ายรุกพรรคการเมือง ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนใหญ่และคนชั้นกลางในเมือง ที่หวาดกลัวความขัดแย้งและความเปลี่ยนแปลงของทุนนิยมโลก
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล พูดในสิ่งที่หลายคนเห็น แต่ทำให้เป็นระบบและมีน้ำหนักขึ้นว่า ชนชั้นนำภาครัฐจะกุมอำนาจต่อเนื่อง 9-10 ปี โดยมีไทยแลนด์ 4.0 และกลไกประชารัฐเป็น “มาสเตอร์แพลน” (หรือจุดขาย) ชิงเป็นฝ่ายรุกพรรคการเมือง ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนใหญ่และคนชั้นกลางในเมือง ที่หวาดกลัวความขัดแย้งและความเปลี่ยนแปลงของทุนนิยมโลก
พูดภาษาบ้านๆ คือภาคธุรกิจ คนชั้นกลางระดับบน กลัวความขัดแย้งนำประเทศสู่ทางตัน กลัวกลับไปสู่เลือกตั้งแบบเดิมๆ ก็จะมีปัญหาอีก จึงสนับสนุนระบอบ คสช.อย่างเปิดเผย แถมหนุนให้ต่อท่ออำนาจผ่านรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ โดยหวังว่าจะผลักดันไทยแลนด์ 4.0 นำประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และเอา “ประชารัฐ” ลงทะเบียนคนจน 14 ล้านคน ไปทดแทน “ประชานิยม” ไม่ให้คนชั้นล่างต่อต้าน ใช้เวลาซัก 10 ปี ประเทศคงพ้นกับดัก แถมลดความเหลื่อมล้ำ (เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง)
ด้วยเหตุนี้เอง คนชั้นนำ คนชั้นกลาง จึงโยนหลักการเหตุผล รวมทั้งคำพูดในอดีตของตน เช่น “รถไฟขนผัก” ทิ้งไป อ้าแขนรับรถไฟจีนได้หน้าตาเฉย
ซ้ำมองไปข้างหน้าได้ด้วยว่า ไม่ว่ารัฐบาลทหารจะทำอะไร แบบนักการเมืองเคยทำ หรือหนักกว่า คนชั้นกลางอาจบ่นบ้าง ด่าบ้าง แต่ก็ยังแน่วแน่มั่นคง หนุนหลังอยู่ดี อ้าว ก็รัฐธรรมนูญนายกฯ คนนอก ยังรับได้ ทั้งที่เคยนองเลือดไล่ รสช.
เสกสรรค์เตือนให้ตระหนัก ถึงการ “คิดใหญ่” ที่ประมาทมิได้ ของชนชั้นนำภาครัฐ ซึ่งอาจขับเคลื่อน “มาสเตอร์แพลน” สำเร็จได้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ชี้ปัญหาย้อนแย้งหลายประการ
“…3 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ในเมืองไทย ….สะท้อนความพยายามของชนชั้นนำภาครัฐที่จะสร้างสังคมตามแนวคิดอนุรักษ์นิยมคู่ขนานกับการเกี่ยวร้อยกับทุนนิยมโลก มันเป็นความพยายามที่จะดำรงฐานะนำของรัฐราชการในการบริหารระบบทุนไร้พรมแดน”
“แต่ประเด็นมีอยู่ว่า อุดมการณ์และวาทกรรมแบบรัฐชาติของระบบราชการนั้น โดยเนื้อแท้แล้วก็ไปกันไม่ได้กับลัทธิเสรีนิยมใหม่ที่ขับเคลื่อนทุนไร้ชาติไร้พรมแดน ด้วยเหตุดังนี้เราจึงเห็นสภาพขัดแย้งกันเองระหว่างนโยบายเศรษฐกิจที่แลไปข้างหน้า กับนโยบายทางสังคมการเมืองที่แลไปข้างหลัง”
ว่าที่จริง ถ้ามองสิ่งที่รัฐบาลทำ 4.0 EEC ประชารัฐ รถไฟ ฯลฯ แล้วหันไปมองหน้า สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะร้องว่าเฮ้ย นี่มันทักษิณนี่หว่า นี่มันสิ่งที่ภาคธุรกิจ คนชั้นกลาง เคยวาดหวังกับทักษิณ แต่ตอนนี้หันมาฝากลุงตู่ ทหาร รัฐราชการ แต่ปัญหาย้อนแย้งก็อยู่ในย่อหน้าที่ 2 อย่างที่แยกให้ดู
พูดเป็นนามธรรม คนยึดมั่นปวารณารัฐราชการคงไม่เชื่อ ซึ่งไม่เป็นไร มาวางเดิมพันกัน มี 2 ข้อเท่านั้น สำเร็จ หรือพินาศย่อยยับอัปราฉิบหาย อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้แช่ง ไม่ได้เลือกด้วย เราไม่มีสิทธิเลือก ผู้มีอำนาจท่านเลือก เรามีหน้าที่รอดู
เพียงแต่ฝากให้ฟัง เกษียร เตชะพีระ ด้วย เอาสั้นๆ เกษียรชี้ว่า ระบอบอำนาจปัจจุบันเปรียบเหมือน “ตุ๊กตาแม่ลูกดก” ที่ไม่มีฉันทมติ ตอนนี้ต่างคนต่างก็พยายามขยายเส้นอำนาจใหม่ของตนให้กว้างที่สุด ซึ่งข้อน่าวิตกคือ เส้นอำนาจมันเบียดกันได้ ปะทะกันได้
นี่ไง ที่วางเดิมพันไว้แล้วในใจ ได้เห็นแน่ ไม่ถึงสิบปีหรอก