เล่นต้องไว..กลัวต้องถอย
*หากติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอย่างกระชั้นชิดจะรู้ว่า ลักษณะการเล่นของพวกนักลงทุนสถาบันจะเป็นแบบ “เข้าทำ รีบชิ่ง” ออกทันที พร้อมกับมีการอารัมภบทไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่แมงเม่าพันธุ์อึดกลับใช้ยุทธวิธี “ลงซื้อ ขึ้นขาย” กันอย่างแพร่หลายนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของสูตรใครสูตรมัน ไม่มีอะไรตายตัวเหมือนในตำรา เพราะสิ่งที่ทุกคนต้องยึดถือเป็นสรณะคือ “กำไร” นะจะบอกให้
เจาะกระดานหุ้น :โมนิก้าและทีมงาน
*หากติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอย่างกระชั้นชิดจะรู้ว่า ลักษณะการเล่นของพวกนักลงทุนสถาบันจะเป็นแบบ “เข้าทำ รีบชิ่ง” ออกทันที พร้อมกับมีการอารัมภบทไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่แมงเม่าพันธุ์อึดกลับใช้ยุทธวิธี “ลงซื้อ ขึ้นขาย” กันอย่างแพร่หลายนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของสูตรใครสูตรมัน ไม่มีอะไรตายตัวเหมือนในตำรา เพราะสิ่งที่ทุกคนต้องยึดถือเป็นสรณะคือ “กำไร” นะจะบอกให้
*เนื่องจากหลายครั้งที่ผ่านมาพบว่า ดัชนีไม่สามารถยืนหยัดได้โดยลำพัง ต้องมีข่าวดีคอยสนับสนุนเป็นระยะ แต่คราใดที่ตลาดหุ้นต้องเผชิญความไม่แน่นอนของข่าวสาร มักเห็นนักลงทุนหันมา ซื้อๆ ขายๆ กันเป็นประจำ ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ที่กองทุนตัวแสบซื้อหุ้น ฝรั่งขี้นกกระโจนใส่ ปอบผีฟ้าขอถอนตัว โดยที่แมงเม่าหันมา take profit แบบนี้.. มันเป็นเรื่องเดิมที่เคยเห็นกันมาแล้วหลายรอบนะคะ
*ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ดัชนีพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,580.91 จุด บวกไป 3.90 จุด ด้วยมูลค่า 3.87 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นจังหวะที่คาบเกี่ยวกับการขึ้นรอบใหม่ วานนี้ถึงเห็นหุ้นบลูชิพทะยานขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง “โมนิก้า” ถึงพยายามย้ำกับแฟนคลับว่า การเข้าเล่นต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมกันนั้นอย่าลืมว่า ขายหมูไปเรื่อยๆ ดีกว่าขายขาดทุน วันนี้ถึงต้องพูดกันให้ชัดไปเลยว่า เล่นต้องไว..กลัวต้องถอย จริงไหมตัวเอง!
*เหมือนกับในรายของ FSMART กระชากขึ้นมาปิดที่ 19.20 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 102 พันล้านบาท พร้อมกับขึ้นเป็นเบอร์ 3 ในกระดาน most active ของตลาด เอ็ม เอ ไอ “โมนิก้า” ถือเป็นผลพวงของการให้ข้อมูลบริษัทในงานสัมมนาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการพูดถึงแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอีก 3 ปีข้างหน้าค่อนข้างชัดเจนนะจะบอกให้
*ส่วนในรายของ TASCO หากมองรูปแบบการกระชากขึ้นของหุ้นมาปิดที่ 24.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.35% ด้วยมูลค่า 1.46 พันล้านบาท พร้อมกับปรากฏรูป U-Shape โดยรอบก่อนหน้านี้ทำจุดสูงสุดไว้ที่ระดับ 24.50 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะคาบลูกคาบดอกพอสมควร เพราะตามสูตรที่เรียนมาจากต่างประเทศฟันธงว่า หากหุ้นไปต่อ ก็มีลุ้นถึงราคา 27 บาท ..หากไปไม่ไหว น่าจะลงมาตั้งหลักแถว 23 บาทนะซี
*ส่วนดาวเด่นอีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงทุกครั้งเมื่อมีโอกาสก็คือ MINT ซึ่งเป็นผลมาจากทิศทางของหุ้นอยู่ในขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน ผสมผสานกับสเต็ปการขึ้นของหุ้นเป็นแบบขั้นบันได แถมวานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 40.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 880 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่บอกให้รู้ว่า ถึงเวลายกฐานแนวรับใหม่ให้สูงกว่าเดิมแล้วนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ UNIQ หากมองรูปแบบของหุ้นเป็นลักษณะเดียวกับรายข้างต้น “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่นักลงทุนต้องเกาะติดให้ทันสถานการณ์ เพราะมันเห็นกันอย่างทนโท่ว่า หุ้นกำลังจะขึ้นไปยืนสร้างฐานที่บริเวณ 20 บาทในไม่ช้า แถมรอบนี้มีวอลุ่มอัดเข้ามาอย่างหนาแน่น จึงเชื่อว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 19 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท คือบันไดที่จะทำให้หุ้นขึ้นไปถึงฝั่งฝัน..จริงหรือไม่ ดูกันได้เลยเจ้าค่ะ
*ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรายก็คือ การขยับไปทำธุรกิจโฆษณาที่ลาวของ PLANB กลายเป็นประเด็นที่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเห็นได้จากแฟนคลับ “ข่าวหุ้น” เม้าท์มอยถึงประเด็นนี้เยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” ถือเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ชิ้นหนึ่งในสัปดาห์นี้ ส่วนความคิดเห็นของผู้คนจะออกไปในทางไหน? เดี๊ยนจะเล่าให้ฟังภายหลังแล้วกัน ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานเด้งขึ้นมาปิดที่ 6.05 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 6% ถือว่า ไม่ธรรมดาเช่นกันจ้า!
*ประเด็นนี้เทียบเคียงง่ายๆ ได้จากกรณีของ RS วิ่งขึ้นมาปิดที่ 11.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้คำเดียวว่า เมื่อทุกอย่างชัดเจน หุ้นก็วิ่งขึ้นไปรับพื้นฐาน! เรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรต้องคิดหลายตลบ แต่สิ่งที่ต้องคิดถัดมาก็คือ ยอดครั้งก่อนที่ขึ้นไปแตะปุ๊บแล้วลงทันทีอยู่บริเวณ 12.50 บาทแบบนี้…คนที่มีหุ้น และคนที่ไม่มีหุ้น ควรทำอย่างไรนะซี
*ส่วนรายของ TMB หลังจากปรับโพสิชั่นของหุ้นเป็นที่เรียบร้อย ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ต้องการขึ้นไปทดสอบยอดภูเขาลูกก่อนที่บริเวณ 2.50 บาท หากผ่านทะลุแนวต้านบริเวณนี้ขึ้นไปอย่างแข็งแกร่ง ก็จะเป็นการเคลื่อนตัวในรูปแบบใหม่อีกครั้ง ถึงกระนั้นต้องบอกไว้ก่อนว่า ยังมีขวากหนามบริเวณ 2.60 กับ 2.80 ขวางกลางทางอีกทีหนึ่ง และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถฝ่าด่านเหล่านี้ไปได้ ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ 2.30 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 1.15 พันล้านบาท ..มันชวนให้คิดไหมล่ะตัวเอง
*ตบท้ายกันที่หุ้น MOONG กันสักหน่อยดีกว่า! หลังได้ยินข่าวว่า พวกขาลุยเข้ามาเล่นหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำๆ กันอีกแล้ว และหุ้นตัวนี้ก็เป็นเป้าหมายของนักเล่นเหล่านั้นเสียด้วย “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่น่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นอีกต่อจากนี้ เพราะสองหนก่อนหน้านี้ก็ขึ้นไปแตะ 8.50 บาท ผนวกกับวานนี้หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 7.55 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 154 ล้านบาท จึงกลายเป็นหนังเรื่องใหม่ที่ชวนให้ติดตามอย่างใกล้ชิดนะเธอ!