เส้นทางนักลงทุน : สอย 2 หุ้นเหล็ก! โบรกฯเชียร์ซื้อ
ปี 2560 เหมือนจะเป็นปีที่ทำให้ผู้ประกอบการในแวดวงอุตสาหกรรมเหล็กกระเตื้องขึ้นบ้าง วัดจากภาพรวมของราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มขยับราคาสูงขึ้น และมีสัญญาณบวก เพราะมองเห็นว่าการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเริ่มขยับได้มากขึ้นกว่าปี 2559
ส่วนการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคอสังหาฯหลายค่ายยังไม่ค่อยเปิดโครงการใหม่ๆ แต่จะเป็นการระบายสต๊อกเก่าเร่งขายให้หมดก่อน เช่นคอนโดมิเนียมที่สร้างแล้ว ยังไม่ปิดโครงการทำให้การบริโภคเหล็กเพื่อไปสู่ภาคที่อยู่อาศัยยังขยายตัวได้ไม่มากนัก อีกทั้งการบริโภคเหล็กยังเกิดขึ้นได้ไม่เต็มที่ เช่นเดียวกับความต้องการใช้เหล็กในตลาดโลกยังไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากด้วย
ด้วยสัญญาณที่เป็นบวกจากภาครัฐ และสัญญาณที่เป็นลบจากภาคเอกชน ส่งผลให้ภาพรวมของหุ้นกลุ่มเหล็กลุ่มๆ ดอนๆ เพราะมีบริษัทที่ได้รับประโยชน์ และเสียประโยชน์ ทำให้หลายฝ่ายยังคงมองข้ามในหุ้นกลุ่มเหล็ก แต่อย่างไรก็ดีมีหุ้นบางตัวที่ยังมีเสน่ห์ ผลประกอบการดี พร้อมวอลุ่มเทรดหนาแน่นเป็นระยะๆ เช่น MILL และ TMT นั่นเอง
ที่สำคัญยังมีบทวิเคราะห์ที่ยังคงเชียร์ซื้อ ซึ่งทำให้มองว่าสองหุ้นยังคงเป็นดาวเด่นในกลุ่มเหล็กที่นักลงทุนสามารถเข้าไปซื้อเก็งกำไรได้
สำหรับ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL มีบทวิเคราะห์จากบล. บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.20 บาท เห็นพื้นฐานของบริษัทที่กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจากเดิมที่เคยผลิตเหล็กสำหรับก่อสร้างเปลี่ยนไปเป็นเหล็กเกรดพิเศษผ่านทางการร่วมทุนกับ Kobe Steel ผู้ผลิตเหล็กเกรดพิเศษชั้นนำของญี่ปุ่น การเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทให้สูงขึ้น อีกทั้งจะลดความกังวลที่นักลงทุนมีต่อความผันผวนของกำไร (เหล็กสำหรับก่อสร้างมีราคาผันผวน) และปัญหาการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากประเทศจีน
ส่วน บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT มีบทวิเคราะห์จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท เนื่องจากคาดว่าครึ่งหลังของปี 60 กำไรจะกลับสู่ระดับ 130 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยมาจากยอดขายที่ยังสูงต่อเนื่อง (ขยายส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น จากความสำเร็จในบริการครบวงจรแบบ Solution) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นขึ้นเป็นประมาณ 8% หลังราคาเหล็กมีเสถียรภาพดีขึ้น
ทว่ามีการปรับลดคาดการณ์กำไรปี 60-61 ลง 5% และ 6% เป็น 605 ล้านบาท และ 664 ล้านบาท ตามลำดับ สะท้อนยอดขายและอัตรากำไรขั้นที่อ่อนกว่าคาดการณ์เดิม แต่อย่างไรก็ดีคาดการณ์เงินปันผลสำหรับปี 60 ที่ 1.1 บาทต่อหุ้น ณ ราคา 14 บาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 7.9% การอ่อนลงของราคาหุ้นเพราะการลดลงของผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 60 เป็นจังหวะทยอยซื้อสะสมเพื่อรับปันผลสูง
ดังนั้นหุ้นดังกล่าวคัดมาจากโบรกฯแนะซื้อ พร้อมยังมี upside ให้นักลงทุนเข้าไปเล่น!!