ลิเก 4.0

“สุนทรตู่” แต่งกลอนไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งคงมีคนโห่ร้องแซ่ซ้องความอุตสาหะพยายาม แม้ตกสัมผัส และใช้ถ้อยคำเดิมๆ ลดขัดแย้ง ลดระแวง สืบสานโบราณ ความเป็นไทย ก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 ประชารัฐ (โฆษณาบ้านมั่นคงอีกต่างหาก)


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

 

“สุนทรตู่” แต่งกลอนไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งคงมีคนโห่ร้องแซ่ซ้องความอุตสาหะพยายาม แม้ตกสัมผัส และใช้ถ้อยคำเดิมๆ ลดขัดแย้ง ลดระแวง สืบสานโบราณ ความเป็นไทย ก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 ประชารัฐ (โฆษณาบ้านมั่นคงอีกต่างหาก)

ท่านบอกว่าชี้แจงทุกช่องทาง ประชาชนยังไม่เข้าใจอีกหน่อยคงต้องให้โฆษกไก่อูร้องลิเกแบบไชยา มิตรชัย ไม่เช่นนั้นก็ไม่เข้าใจและขัดแย้งกันต่อไป

ดีครับ อยากฟังไก่อูร้องลิเก แต่ระวังมีคนขอเพลงที่มันมีงูออกมา แล้วจะตีกันวงแตก

ยุคนี้สมัยนี้อะไรๆ ก็ 4.0 ท่านผู้นำทำลาบเป็ดโชว์ ยังบอกว่าลาบเป็ด 4.0 ราชการไทยฮิตอยู่ 2 คำ 4.0 กับประชารัฐ เอาไว้เบิกงบทำป้าย จัดเสวนาดูงาน หรือจัดงานอีเวนต์ ให้หัวหน้าส่วนราชการและผู้ติดตามถือกระเป๋ากางร่มเปิดประตูรถ ฯลฯ มากดปุ่มเปิดป้ายถ่ายภาพออกสื่อ

เศรษฐกิจ 4.0 เป็นจริงได้ไหม โถ ภาคเอกชนและประชาชนต้องดิ้นรนเอาตัวรอดให้ได้อยู่แล้ว เพียงต้องการรัฐที่ฉลาดๆ รัฐที่ทำตัวให้เล็กลง ส่งเสริมให้ถูกจุด ปลดล็อกอำนาจ ไม่เข้าไปจุ้นจ้านให้คุณให้โทษเป็นอุปสรรคกับภาคธุรกิจทุ่มงบประมาณให้การศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี แบบใช้ให้เป็น ไม่ใช่เศรษฐกิจ 4.0 แบบรัฐราชการ 0.0 ยิ่งมีอำนาจมาก ใหญ่โตเทอะทะมาก สิ้นเปลืองงบประมาณมาก แล้วก็เป็นประชารัฐแบบรวมศูนย์อยู่ที่ปลัด อธิบดี ผู้ว่าฯ หรือทหาร ใช้งบพัฒนากันกระจุยกระจาย

เศรษฐกิจ 4.0 นโยบายประชารัฐ ว่าที่จริงก็เป็นเป้าหมายทางการเมือง ของ คสช. “ชนชั้นนำภาครัฐ” ที่ขายฝันให้คนไทยเชื่อว่า ถ้ายอมอยู่ใต้อำนาจไปนานๆ จะนำประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลางและลดความเหลื่อมล้ำ สลายความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง

แต่เอาเข้าจริง นอกจากสลายความแตกแยกเดิมไม่ได้ เศรษฐกิจ 4.0 แบบ ม.44 รถไฟจีน เรือดำน้ำจีน และนโยบายประชารัฐที่กลายเป็นรัฐร่วมมือกับทุน กับเจ้าสัว ก็กลับสร้างความขัดแย้งใหม่

ดูง่ายๆ จากกระแสข่าวและปฏิกิริยาในโลกออนไลน์ แยกได้เป็น หนึ่ง ข่าวกระบวนการยุติธรรม ปฏิกิริยาไม่พอใจต่อคดีความต่างๆ ของเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ความแตกแยกเดิมที่ไม่หายไปไหน (และอาจ peak ในช่วงใกล้ๆ) ผนวกด้วยข่าวปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของผู้เรียกร้องประชาธิปไตย นักศึกษา คนรุ่นใหม่

สอง ข่าวการเมือง คัดค้านกฎหมายพรรคการเมือง ไพรมารีโหวต ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งขยายวงออกไป เป็นความไม่เห็นด้วยจากทุกพรรคการเมือง

สาม ข่าวต่อต้านการตัดสินใจภาครัฐ แบบข้ามขั้วข้ามสี หรือไม่มีขั้วไม่มีสี เช่น คัดค้านการแก้กฎหมายบัตรทอง ซึ่ง NGO มีจุดร่วมกับ “เสื้อแดง” เป็นปี่เป็นขลุ่ย ขณะที่ในชนบท ภาคอีสาน ภาคใต้ ก็ต่อต้านการทำเหมือง สร้างโรงไฟฟ้า

สี่ การวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นสาธารณะ รถไฟจีน เรือดำน้ำจีน หรือสร้างหอชมเมือง 7.6 พันล้านโดยไม่ต้องมีการประมูล ก็ยิ่งเป็นกระแสกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน ความรู้สึกของประชาชนต่อรัฐราชการ ก็ส่อวิกฤติศรัทธา เพราะจะ “แชร์สนั่น” เมื่อมีกรณีที่ส่อว่าไม่เหมาะสม เช่น ซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ แป๊ะเจี๊ยะ ค่าโอทีนายสถานีรถไฟ หรือชาวบ้านโดนไม้พยุงล้มทับบ้านต้องรอเจ้าหน้าที่มาตัดให้ถึง 3 เดือน

ความแตกแยกทั้งดั้งเดิมและบานปลายเพียงกดทับไว้ด้วย “กฎหมาย” คือม.44 และความเป็นปึกแผ่นของกองทัพเท่านั้นแหละครับ พ้นจากภาวะชั่วคราวนี้ไป บทกลอนหรือลิเก ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก

Back to top button