สงครามโบรกเกอร์

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล เพราะตามท้องเรื่องที่เล่นกันในเที่ยวนี้พุ่งเป้าไปยัง window dressing  โดยในที่นี้มีการตีความ พร้อมกับถอดรหัสไว้เสร็จสรรพว่า หากมีการทำราคาหุ้นเพื่อปิดบัญชีจริง ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปแถว 1,600 จุด หากไม่มีปรากฏการณ์ดังกล่าว ดัชนีก็ม้วนตัวลงมาตั้งฐานที่บริเวณ 1,560 จุด ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเห็นเลาๆ ว่า เหตุการณ์กำลังโน้มเอียงไปทางไหนเจ้าค่ะ


เจาะกระดานหุ้น :โมนิก้าและทีมงาน

 

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล เพราะตามท้องเรื่องที่เล่นกันในเที่ยวนี้พุ่งเป้าไปยัง window dressing  โดยในที่นี้มีการตีความ พร้อมกับถอดรหัสไว้เสร็จสรรพว่า หากมีการทำราคาหุ้นเพื่อปิดบัญชีจริง ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปแถว 1,600 จุด หากไม่มีปรากฏการณ์ดังกล่าว ดัชนีก็ม้วนตัวลงมาตั้งฐานที่บริเวณ 1,560 จุด ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเห็นเลาๆ ว่า เหตุการณ์กำลังโน้มเอียงไปทางไหนเจ้าค่ะ

*เมื่อทุกคนเห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน “โมนิก้า” ก็ไม่ขอพูดถึงเรื่องเดิมให้เสียเวลาในการเผือกเรื่องชาวบ้าน เพราะข้อมูลที่แสดงออกมาให้เห็นวานนี้ฟ้องว่า เอาไม่จริง..ดันไม่สุด (อย่าคิดเป็นอื่น เดี๊ยนเสียวซ่าน) กองทุนตัวแสบ กับปอบผีฟ้า เริ่มหันมาขายทำกำไร ดัชนีเลยมีอาการแข้งขาอ่อนกำลังกะทันหัน จากที่เคยขึ้นไปถึงระดับ 1,591.09 จุด สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,586.45 จุด  เหลือบวกแค่ 0.84 จุด ด้วยมูลค่า 3.85 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ประเด็นตรงนี้เป็นการส่งสัญญาณให้นักเล่นทั่วไปได้รู้ว่า น่าจะแบ่งขายหุ้นทำกำไรออกไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่มีตัวแปรที่ทำให้เชื่อว่า ดัชนีจะไต่ระดับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้ภาพของการลงทุนในยามนี้ยังเป็นลักษณะ “ขึ้นแล้วลง ลงแล้วขึ้น” ซึ่งสังเกตได้จากหุ้นบลูชิพบนกระดาน most active ล้วนมีอาการเหมือนกับที่ “โมนิก้า” เกริ่นนำไว้ไม่ผิดเพี้ยน..ไม่เชื่อลองไปสำรวจกันดูนะคะ

*ส่วนประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ น่าจะเป็นสงครามโบรกเกอร์ประเภท “ใหญ่ฟัดใหญ่” ซึ่งปะทุขึ้นมาให้เห็นในคราวนี้ มันเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” เสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง เพราะคนนั้นก็ด่าคนนี้กันตลอดเวลา แถมมีวลีเด็ด “อีนี่เลวอย่างนั้น อีนั่นเลวอย่างนี้” สรุปสุดท้ายเลยไม่มีใครรู้ว่ากำพืดของแต่ละคนเป็นอย่างไร? เพราะดูเหมือนคนในวงการนี้มีแต่พวกหน้าเงิน..อิอิอิ

*อย่างเช่นข่าวล่าสุด บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เฮียมนตรี” ดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจาก “เจ๊บุญพร” กับ “เฮียภูริภัทร” ซึ่งตอนนี้ไปนั่งเป็นหัวเรือใหญ่ของ บล.หยวนต้า เป็นเงินเกือบ 580 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องราวของจรรยาบรรณที่ควรมีให้แก่กัน ถึงจะทำให้วงการนี้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเสียที หลังผู้คนที่เกี่ยวข้องพยายามพร่ำบอกให้คนในสังคมรับรู้ว่า หมดยุคมนุษย์ทองคำ?

*น่าเสียดายคือ เรื่องจริงที่ปรากฏกลายเป็นว่า วันนี้ยังมีการขโมยข้อมูลกันต่อหน้า แถมเที่ยวนี้ยังมีการกระทำเป็นขบวนการ หรือที่เรียกง่ายๆ ก็คือ หนอนบ่อนไส้ “โมนิก้า” ถึงต้องให้สังคมช่วยกันพิจารณาว่า เรื่องแบบนี้สังคมรับได้ไหม? หรือแม้กระทั่งพวกมาร์เก็ตติ้งจอมโขกค่าตัวรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้? ครอบคลุมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งหัวโด่ใน ตลท. มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างไร? ล้วนเป็นเรื่องที่น่าติดตามนะจะบอกให้

*ก่อนจะไปถึงตรงนั้น มันมีเรื่องแซวกันขำๆ “เฮียสายฮา เจ๊สายวัด” เคยกอดคอกันแหววมาเป็นเวลานาน จู่ๆ เฮียลุกขึ้นมาฟ้องเจ๊ด้วยข้อหาแบบนี้ แสดงว่า ต้องมีการทิ้งร่องรอยให้ตามกลิ่นจนเจอแน่ๆ งานนี้เลยกลายเป็นหนังใหม่ที่น่าจะกลบกระแส “นางแค้น” ของช่องเวิร์คพอยท์จนสนิท เพราะหนังเรื่องใหม่ที่กำลังจะเริ่มลงโรงในเที่ยวนี้คือเรื่อง “นายแค้น” ซึ่งจะมีออกมาเป็นตอนๆ ให้ได้ติดตามชมกันทุกสัปดาห์นะจะบอกให้

*ย้อนกลับมาดูที่หุ้นรายตัวอย่างเช่น MINT กันบ้างดีกว่า! ก่อนหน้านี้ก็ทำท่าหมดแรง ไปต่อไม่ไหว พอเผลอปุ๊บ หุ้นวิ่งปั๊บ “โมนิก้า” ถือเป็นสิ่งที่ทำให้นักเล่นเรียนรู้ได้จากสัญญาณแท่งเทียน ยิ่งหุ้นยืนเหนือเส้นแนวรับ 10 วันได้อย่างมั่นคงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้หุ้นทะยานขึ้นไปทำ new high ได้อีกเรื่อยๆ ล่าสุดหุ้นมายืนอยู่ที่ 42 บาท บวกไป 1.25  บาท หรือขึ้นไป 3 % ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท น่าตามไปเคาะขวา เพื่อกระตุ้นอารมณ์เป็นจังหวะเลยค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BEC กลายเป็นหุ้น big surprise ที่ผู้คนพูดถึงกันอย่างดาษดื่น “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่ทำให้นักเล่นเริ่มรับรู้แล้วว่า การทะยานขึ้นของหุ้นต้องมีปัจจัยรองรับ ไม่เช่นนั้นคงไม่มาไกลขนาดนี้ ล่าสุดหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 24 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 5.70% ด้วยมูลค่า 608 ล้านบาท พร้อมกับข่าวเด็ดที่ว่า ดาราห้ามรับงานนอก ต้องผ่านช่อง 3 อย่างเดียวแบบนี้..คัมแบ็กอย่างหรูค่ะ

*ส่วนคนที่คิดว่า รักความตื่นเต้นเป็นชีวิตจิตใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันไปมองที่ WIIK เป็นลำดับแรก หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 5.45 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 128 ล้านบาท มันแสดงให้เห็นถึงความต้องการเล่นระลอกใหม่ น่าเสียดายที่ยอดเดิมเที่ยวก่อนไม่สูงสักเท่าไหร่? เดี๊ยนถึงขอให้แฟนคลับเฝ้าติดตามสถานการณ์ของหุ้นตัวนี้ให้ดีๆ เพราะรอบก่อนเคยวิ่งขึ้นไปแตะ 5.70 บาทแล้วม้วนหัวลงทันทีนะซี

Back to top button