ความแตก!
*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากพูดถึงปัญหาของวงการโบรกเกอร์ที่หมักหมมเป็นเวลานาน เพราะมันไม่ช่วยให้วงการดังกล่าวดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ แถมยังทำให้ผู้คนภายนอกที่ได้ยินเรื่องราวแล้วรู้สึกเวทนาความหน้าเงินของคนที่ทำอาชีพนี้ เดี๊ยนถึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนในวงการเข้ามาจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกันเอาเอง เพราะมันเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพล้วนๆ นะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากพูดถึงปัญหาของวงการโบรกเกอร์ที่หมักหมมเป็นเวลานาน เพราะมันไม่ช่วยให้วงการดังกล่าวดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ แถมยังทำให้ผู้คนภายนอกที่ได้ยินเรื่องราวแล้วรู้สึกเวทนาความหน้าเงินของคนที่ทำอาชีพนี้ เดี๊ยนถึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนในวงการเข้ามาจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกันเอาเอง เพราะมันเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพล้วนๆ นะจะบอกให้
*ข้อมูลตรงนี้แหละที่ทำให้เพื่อนฝูงมากมายในวงการตลาดหุ้นร้อยท่อต่อสายตรงเล่าถึงความอดสูที่เกิดขึ้นกับ บล.หยวนต้า เพราะทุกคนมองเรื่องย้ายงานมันเป็นเรื่องปกติของชีวิตคนทำงาน และที่ผ่านมาก็มีการทำสัญญาประชาคมร่วมกันว่า ไม่มีการปิดกั้นการย้ายงาน ทุกคนมีสิทธิ์แสวงหาโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าได้ตลอดเวลา ส่งผลให้ข่าวการย้ายสังกัดกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสนใจอีกต่อไปนะคะ
*น่าเสียดายที่เรื่องดังกล่าวกลายมาเป็นข่าวใหญ่โตอีกครั้ง เมื่อมีการใช้วิชามารในการถ่ายโอนข้อมูลจาก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ไปสู่รังรักใหม่ของนายหญิง “บุญพร” แถมยังใช้เงินก้อนโตฟาดหัวมาร์เก็ตติ้งให้ยอมสยบแทบเท้า จึงกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ผู้คนมากมายออกมาป้องปากนินทาค่ายนี้กันยกใหญ่ เพราะหลงลืมไปว่า สมัยก่อนตัวเองเคยพูดอะไรไว้ สมัยนี้ทำไมถึงทำตรงกันข้ามล่ะคะ
*เรื่องราวทั้งหมดยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ เพราะมีการสืบสวนไปถึงต้นตอของข้อมูลที่รั่วไหล ล้วนเป็นคนใกล้ชิดกับ “เจ๊สายวัด” แทบทั้งนั้น แถมคนเหล่านั้นก็ยังไปนั่งทำงานที่โบรกฯสัญชาติไต้หวันแบบไม่กระดากใจ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่มีแต่คนรุมแช่งโบรกเกอร์น้องใหม่จอมดูด พร้อมกับมีการวิเคราะห์แบบขำๆ ค่ายนี้กลายเป็นแหล่งรวมขาใหญ่ แล้วจะเอากำไรจากที่ไหน? ก็ของมันเห็นกันทนโท่ว่า วอลุ่มเทรดได้ตามเป้า ไม่ต้องเสียค่าฟี..จริงไหมเจ๊!
*ผลดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายจับตาดูท่าทีของเจ๊ว่า ต่อจากนี้จะเอาอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น? เพราะตัวเองและลูกน้องตกเป็นจำเลยของสังคม ขืนยังทำตัวเงียบเชียบเท่ากับเป็นการยอมรับผิดแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะหลักฐานการฟ้องร้องต่างๆ มันปูดออกมาให้เห็นเรื่อยๆ เดี๊ยนถึงบอกให้แฟนคลับติดตามดูละครเรื่องนี้ทุกสัปดาห์ เพราะมันจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลานะจะบอกให้
*เหมือนกับข่าวการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน CMDF โดยผู้คนที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้นต่างร้องยี้กันเป็นแถว แต่กลับมีบางคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการตลาดหุ้นออกตัวแรงแทนขุนคลังแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของคนอวดอุตริมากกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเมื่อถามคนในวงการจริงๆ ทุกคนจะพูดว่า เอกชนทำได้ดีกว่าภาครัฐ! จริงหรือไม่ลองถามใจเธอดู..อิอิอิ
*สำหรับประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับมาพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งเป็นเพราะมีการไปขุดข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และพาไปดูงบการเงินประจำปี 59 เพื่อทำให้รู้ว่า หน่วยงานดังกล่าวจนจริงไหม? ผลปรากฏว่า แต่ละเดือนรับทรัพย์กันเนื้อๆ เน้นๆ เฉียดล้านกันเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ผลงานออกมาสู่สายตาชาวหุ้นมันคุ้มกันไหม? กระทรวงการคลังตอบได้ไหมจ๊ะ
*หากยังมีอาการอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่อยากตอบสังคม “โมนิก้า” ขออนุญาตแฉเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทุกคนรู้ว่า หากดูจากงบการเงินในส่วนที่เป็นรายได้จะพบว่า ปี 58 ได้รับเงินอุดหนุนจากหน่วยงานตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 455 ล้านบาท ขณะที่ปี 59 ได้รับเงินเพิ่มขึ้นเป็น 536 ล้านบาท เดี๊ยนจึงขอตั้งคำถามว่า ตัวเลขตรงนี้บอกให้รู้เกี่ยวกับการเก็บค่าต๋งเพิ่มขึ้นทุกปีใช่อะป่าว?
*ส่วนประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกแย่ไปกว่านั้นคือ ปี 58 มีรายได้เพื่อพัฒนาตลาดทุน 34 ล้านบาท แต่ใช้ไปทั้งสิ้น 28 ล้านบาท ขณะที่ปี 59 มีรายได้เพื่อพัฒนาตลาดทุน 68 ล้านบาท แต่ใช้ไปทั้งสิ้น 18 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้ท่าน “อภิศักดิ์” ออกมาชี้แจงสักนิดหนึ่งว่า แบบนี้ใช้เงินไม่เข้าท่าเหมือนกับที่ท่านเคยด่าตลาดหลักทรัพย์ฯไหม? ก็ของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ใช้พัฒนาแต่ดันอมไว้คนเดียวแบบนี้ คิดอะไรอยู่?..บอกน้องโมบ้างซิค่ะ
*ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่คนในกระทรวงการคลังพูดกรอกหูทุกวี่ทุกวันว่า ก.ล.ต.มีเงินไม่เยอะ! ความจริงปรากฏว่า ในบรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุน ปี 59 แสดงตัวเลขกำไร 493 ล้านบาท ขณะที่ ปี 58 มีกำไรแค่ 259 ล้านบาท เติบโตเกือบ 100% แบบชิวๆ ทั้งที่บริษัทจดทะเบียนเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะทำกำไรได้เป็นเท่าตัว “โมนิก้า” ถึงมองเป็นการโกหกหน้าด้านๆ แถมไม่มีการอธิบายเรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้อีกต่างหาก คณะกรรมการทั้งหมดหุบปากเงียบมาตั้งนานเพื่ออะไร? ก็ของมันเห็นกันอยู่แล้ว รวยจริงๆ แล้วจะไปปล้นเงินเขาทำไม?
*ป.ล.บรรยากาศการลงทุนเที่ยวนี้ไม่ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ เพราะดูตามรูปเกมที่เล่นในเที่ยวนี้ ยังเป็นลักษณะเข้าทำเร็วอีกตามเคย วานนี้ถึงเห็นดัชนีลงมายืนอยู่ที่ 1,582.63 จุด ลบไป 3.82 จุด ด้วยมูลค่า 3.88 หมื่นล้านบาท แถมผู้เล่นหลักสลับกันซื้อๆ ขายๆ กันสนุกมือแบบนี้ รอบนี้คงไปไม่ถึง 1,600 จุดแล้วนะจ๊ะ