ขายเพื่อเล่นใหม่

    *สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรกเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ชอบเผือกอย่างอีฉัน เพราะข้อมูลที่แสดงออกมาทำให้รู้ว่า คนที่เน้นเล่นเกมสั้นๆ ได้กำไรไปนอนกอดสบายใจเฉิบ  ส่วนที่คนที่เน้นเล่นเกมสาดยาวไปข้างหน้าเป็นหลัก ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อารมณ์ของนักเล่นในเที่ยวนี้มีหลายอารมณ์กันเลยทีเดียวนะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรกเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ชอบเผือกอย่างอีฉัน เพราะข้อมูลที่แสดงออกมาทำให้รู้ว่า คนที่เน้นเล่นเกมสั้นๆ ได้กำไรไปนอนกอดสบายใจเฉิบ  ส่วนที่คนที่เน้นเล่นเกมสาดยาวไปข้างหน้าเป็นหลัก ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อารมณ์ของนักเล่นในเที่ยวนี้มีหลายอารมณ์กันเลยทีเดียวนะจ๊ะ

*ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” เห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นเวลานาน และถ้าดูจากกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในครึ่งปีแรกที่ระดับ 1,540-1,600 จุด พร้อมกับปรากฏรูปแบบการเคลื่อนตัวเป็นแบบ W-Shape โดยมีจุดสูงสุดในแต่ละรอบอยู่ที่ระดับ 1,591 จุด ถัดจากนั้นอยู่ที่ระดับ 1,589.50 จุด และเที่ยวล่าสุดอยู่ที่ 1,586.45 จุด มันฟ้องว่า แรงซื้อยังไม่มากพอนะคะ

*เมื่อสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นเป็นรูปธรรม “โมนิก้า” ก็อยากให้แฟนคลับลองนึกทบทวนเหตุการณ์เก่าๆ มีอะไรผิดแผกไปจากที่เป็นอยู่บ้าง พร้อมกันนี้อยากให้มองไปในช่วงครึ่งปีหลัง มีประเด็นใหม่ๆ ที่ทำให้ดัชนีเดินหน้าได้ขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้ไหม? เพื่อนักลงทุนจะได้หาจังหวะเล่นรอบใหม่ได้ทันท่วงทีนะจะบอกให้

*เรื่องราวตรงนี้ดูได้จากดัชนีรูดลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,567.16 จุด หลังจากนั้นเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 1,574.74 จุด ลบไป 3.38 จุด ด้วยมูลค่า 4.51 หมื่นล้านบาท แถมหุ้นบลูชิพหลายตัวโดนถล่มอย่างหนักหน่วง ก่อนจะถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “โมนิก้า” มองเป็นการ take profit ในวันสิ้นงวดบัญชี ขณะเดียวกันก็มีนักเล่นบางกลุ่มหวนเข้ามาเก็บหุ้น หลังเห็นหุ้นย่อตัวลงมาแรงเกินเหตุไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ MTLS กับ SAWAD ถูกเทขายอย่างหนักหน่วงในช่วงบ่าย ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 33.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่า 770 ล้านบาท ส่วนรายหลังปิดที่ 50.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่า 560 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการปรับฐานเพื่อรอจังหวะถีบตัวขึ้นไปใหม่ วันนี้ถึงต้องดูว่า หุ้นจะยืนประคองตัวเพื่อรอเด้งรับข่าวกำไรไตรมาส 2 ได้หรือเปล่า? หากยืนไม่ได้ ก็รอต่อไปเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ UV โดนเทขายอย่างหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนหุ้นลงมาปิดที่ 8.05  บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่า 527 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการปิดเกมอย่างสวยงามตามแบบฉบับลากไปออกของ เพราะถ้าย้อนกลับไปดูสเต็ปการขึ้นก่อนจะเป็นข่าว ก็เป็นเพียงการดันราคาหุ้นธรรมดาๆ รอบก่อนก็จบเกมที่บริเวณ 9.50 บาท ต่อจากนั้นก็ลงไปนอนแอ้งแม้งใต้ 7 บาท พวกคุณมองเกมนี้ว่าอย่างไร?

*หากนึกไม่ออกให้ย้อนกลับมาดู BEC ถูกเทขาย 3 วันติด จากที่เคยยืนอยู่ในระดับ 25 บาท ล่าสุดรูดลงมากองอยู่ที่ 21 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 7.50%  ด้วยมูลค่า 540 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูจุดเด้งกลับที่บริเวณ 19.50 บาทเอาอยู่หรือเปล่า? หากเอาไม่อยู่ ต้องถอยร่นไปดูแนวรับที่สองบริเวณ 17.20 บาท เพราะเกมหุ้นในช่วงขายทำกำไรเพื่อโยกเงินไปเล่นหุ้นตัวใหม่มันเป็นแบบนี้ค่ะ

*แพททิร์นดังกล่าวคล้ายคลึงกับ PDI กระชากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 25 บาทช่วงต้นปี หลังจากนั้นลงมาย่ำฐานที่บริเวณ 18 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมายืนที่บริเวณ 23 บาท ต่อจากนั้นก็ไหลลงมาวันละนิดวันละหน่อย จนสุดท้ายลงมายืนอยู่ที่ 20.20 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 4.70% “โมนิก้า” ขอถามว่า หุ้นจะอ่อนตัวลงไปยังฐานเก่าที่เคยขึ้นมาไหม? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*พาคนไปดอยของแท้ “โมนิก้า” ต้องหันมาดู GUNKUL ก่อนใครเพื่อน แพทเทิร์นของหุ้นไม่ซับซ้อน ช่วงไหนขึ้นแรง ก็ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วงไหนลงต่อเนื่อง ก็ไหลไม่หยุดเช่นกัน แต่โชคดีที่กรอบการเคลื่อนไหวใหญ่ๆ ยังอยู่ที่ระดับ 4-5 บาท ล่าสุดหุ้นปิดที่ 4.08 บาท ลบไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่า 155 ล้านบาท เดี๊ยนถึงต้องถามนักเล่นว่า เที่ยวนี้หุ้นจะเด้งกลับขึ้นไปได้ไหม?

*ส่วนรายที่โชว์เทพก่อนใครเพื่อนอย่าง KTB ก็ยังออกลูกแทงกั๊กเหมือนเดิม แม้จะเด้งขึ้นมาปิดที่ 18.80 บาท บวกไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 535 ล้านบาท  หากมองผิวเผินถือเป็นช็อตที่น่าสนใจจริงๆ แต่ถ้าดูลักษณะการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้เป็นหลัก “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม บวกกับช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็แกว่งตัวขึ้นลงบนกรอบแคบๆ  จึงอย่าคิดเยอะเจ้าค่ะ

*ยกเว้นในรายของ CCN กระชากขึ้นมาปิดที่ 11.90 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 12.30% ด้วยมูลค่า 86 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการเล่นที่เยอะเกินไปสำหรับหุ้นพื้นฐานกลวงโบ๋ บวกกับกลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามา แต่ละคนไม่ได้ดีเด่ไปกว่ากลุ่มเก่า แถมหุ้นเทรดบนค่า P/E 320 เท่า มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็เป็นการดันราคาก่อนวันใช้สิทธิ์เพิ่มทุน PP งานนี้บอกได้ทันทีว่า ขายก่อน กำไรก่อน นะจ๊ะ

Back to top button