กลัวขาสั่น?

เจาะกระดานหุ้น :โมนิก้าและทีมงาน

 

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นในช่วงเข้าสู่ครึ่งปีหลังยังเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องคิดหนัก เพราะยังมองไม่เห็นปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น ส่งผลให้นักเล่นเพลาการซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ ให้แน่ใจเสียก่อน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเงียบเหงา “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสำหรับการลงทุนต่อจากนี้ เพราะเห็นได้ชัดว่า แรงซื้อหดหายไปมากพอสมควรนะจ๊ะ

*เมื่อสถานการณ์หลายอย่างไม่โอเค ไม่โดนใจ และไม่เวิร์ก ดัชนีถึงปิดได้แค่ระดับ 1,579.41 จุด บวกไป 4.67 จุด ด้วยมูลค่า 2.99 หมื่นล้านบาท พร้อมกับทำสถิติมูลค่าการซื้อขายต่ำสุดในรอบ 2 เดือน มันสะท้อนว่า นักเล่นไม่อยากเข้ามาในตลาดหุ้น และขอยืนดูเหตุการณ์อยู่ที่ขอบเวที เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ดัชนีจะเหวี่ยงตัวรุนแรงถี่ขึ้นกว่าเดิมนะจะบอกให้

*เนื่องจากวอลุ่มซัพพอร์ตค่อนข้างน้อยเกินไป และตามตำราที่เล่าเรียนมาหลายสำนักพูดตรงกันว่า หากหุ้นขึ้นแบบไม่มีวอลุ่ม น่าจะเป็นการทะยานขึ้นชั่วคราว ไม่ควรตีความไปในทางบวกแบบสุดโต่ง เพราะเที่ยวนี้จะไม่มีหุ้นทะยานขึ้นแบบแรลลี่ พร้อมกันนี้อย่าลืมว่า มรสุมข่าวร้ายมักมีเข้ามาเป็นระลอก จึงอย่าไว้ใจหุ้นบลูชิพที่เริ่มขยับตัวอีกรอบพะยะค่ะ

*ขนาดหุ้นโรงกลั่น TOP อุตส่าห์ประคองตัว และไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ จนฟอร์มตัวเป็นแบบ W-Shape พร้อมกับแสดงยอดสูงสุดไว้ตรงที่ 79 บาททั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน จู่ๆ วานนี้กลับโดนเทขายพรวดเดียวลงมากองอยู่ที่ 76.75 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่า 425 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนเชื่อว่าหุ้นจะลงมาตั้งฐานที่บริเวณ 74 บาทอีกรอบ..ไม่เชื่อคอยดูแล้วกันจ้า!

*ส่วนที่อาการไม่ค่อยจะสู้ดี และกำลังโดนถล่มหนักอย่าง SUPER จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 1.36 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่า 592 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ “เฮียประเดช” ต้องออกมาชี้แจงกับสังคมเอาเอง หลังแมงลือเม้าท์ว่า มันน่าจะเกี่ยวข้องกับการโยกหุ้นไปมาของกลุ่มเฮีย เพราะเท่าที่ดูไม่มีใครมีหุ้นเยอะเท่ากับกลุ่มนี้อีกแล้วนะคะ

*ประเด็นถัดมาที่ “โมนิก้า” อยากให้จับตาเป็นพิเศษในเที่ยวนี้คือ KTC เพราะทันทีที่ ธปท. ออกกฎหมายคุมกำเนิดบัตรเครดิต พร้อมกับตั้งฐานเงินเดือนขั้นต่ำ 3 หมื่นบาท ชะตากรรมของหุ้นพิมพ์นิยมก็ดูแย่ลงในทันที เพราะเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบกับกำไรอย่างมีนัยสำคัญ วานนี้ถึงมีแต่คนเทขายหุ้นออกมาตลอดเวลา จนหุ้นลงมาปิดที่ 111 บาท ลบไป 9 บาท หรือลงไป 7.50% ด้วยมูลค่า 433 ล้านบาท แถมเป็นการลงต่อเนื่องหลายวันติดต่อ เขาเรียกอาการแบบนี้ว่า กลัวขึ้นสมองนะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ KSL ถูกบิ้วท์ขึ้นมาด้วยเรื่องราคาน้ำตาล พร้อมกับแต่งแต้มสีสันร่วมครึ่งปี แต่ทันทีที่หมดสตอรี่ในการชักจูงประเด็นต่างๆ แรงเทขายก็ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน จนราคาหุ้นร่วงลงอย่างต่อเนื่อง 12 วันติด “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักลงทุนหนีตายกันจ้าละหวั่น หลังหุ้นแสดงเจตนาชัดเจนว่า ขอกลับไปตั้งหลักที่ฐานเก่า 4 บาทก่อนแล้วกัน ต่อจากนั้นค่อยว่ากันไปนะคะ

*อีกหนึ่งรายที่มีอาการไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่อย่าง TKN ก็เป็นอะไรที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะหุ้นเลยจุดพีคของการทะยานขึ้นมาแล้ว แถมคนที่อยู่เบื้องหลังการทำราคาเกิดอาการป๊อดสุดขีดเช่นกัน ถึงปล่อยให้หุ้นร่วงลงมายืนที่ 21.50 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท มันทำให้เชื่อว่า หุ้นจะลงไปจุดเด้งกลับที่บริเวณ 20 บาทอีกรอบ..หากไม่เด้ง ก็ตัวใครตัวมันแล้วกันจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ ACAP ตั้งแต่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา สถานะของหุ้นก็ดูง่อนแง่นเหลือเกิน แรงซื้อที่เคยมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็ถูกแทนที่ด้วยแรงเทขายที่มีออกมาเป็นระยะ จากหุ้นที่เคยมีราคาค่างวดแถว 30 บาท วันนี้เหลืออยู่แค่ 18.40 บาท ลบไป 0.20บาท ด้วยมูลค่า 26 ล้านบาท สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในตัวธุรกิจกำลังเพิ่มขึ้น เดี๊ยนจึงขอแนะนำให้อยู่ห่างๆ ไว้ก่อนค่ะ

*สุดท้ายนี้ “โมนิก้า” ต้องขอเม้าท์สักหน่อยตามประสาคนชอบเผือก เพราะแว่วว่าตึกรูปทรงประหลาดกลางกรุงกำลังโอนเอน ยอดขายต่ำเป้า ยอดโอนก็น้อยลงตาม มิหนำซ้ำลูกบ้านหลายรายถึงขั้นจะทิ้งเงินดาวน์! จนเดือดร้อนไปถึงแบงก์เจ้าหนี้รายใหญ่ (รายเดียว) ที่ชอบทำบิ๊กดีลจะหาทางออกครั้งนี้อย่างไรดี? ให้เหมือนกับที่เคยชิ่งเอาตัวรอดมาได้แบบหวุดหวิดจากดีลอลหม่านของบริษัทถ่านหินแห่งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้

*บอกตามตรง เดี๊ยนรู้สึกเสียวสะท้านทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับเรื่องพรรค์นี้ เอาเป็นว่า “ยิ่งรู้เยอะ ยิ่งเสียวมาก” เพราะมันมีตัวอย่างพวก “ท่าดีทีเหลว” ให้เห็นกันทนโท่มาตั้งแต่ต้นปีแล้วนะซี แต่ไม่รู้งานนี้ “คุณพี่จอมฮ็อต” จะมีอารมณ์ร่วมจนเสียวตามน้องโมขนาดนั้นด้วยไหม? ถ้ายัง “ไม่” เดี๊ยนจะขออาสาเป็นคนต้มหยูกยามาปลุกอารมณ์ให้คุณพี่ด้วยตัวเองเลยนะคะ…คุณพี่ขา!