แค่ซื้อเวลา!
*ประเด็นที่นักลงทุนต้องคิดหนัก และต้องเริ่มถามตัวเองอีกครั้ง คงหนีไม่พ้นเรื่องรูปแบบการลงทุนในเที่ยวนี้จะเป็นแบบไหน? หลังเพื่อนสนิทมิตรสหายเม้าท์ตรงกันว่า ช่วงนี้ทำอะไรก็ยากลำบากไปหมดทุกอย่าง ขนาดขายของยังขายไม่ค่อยดี หรือแม้กระทั่งหันมาเคาะหุ้นเบาๆ หุ้นยังไม่ยอมขึ้นเลย ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาอึมครึมอีกรอบ เพราะการยืนในแดนบวกไม่มีวอลุ่มหนุนเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ประเด็นที่นักลงทุนต้องคิดหนัก และต้องเริ่มถามตัวเองอีกครั้ง คงหนีไม่พ้นเรื่องรูปแบบการลงทุนในเที่ยวนี้จะเป็นแบบไหน? หลังเพื่อนสนิทมิตรสหายเม้าท์ตรงกันว่า ช่วงนี้ทำอะไรก็ยากลำบากไปหมดทุกอย่าง ขนาดขายของยังขายไม่ค่อยดี หรือแม้กระทั่งหันมาเคาะหุ้นเบาๆ หุ้นยังไม่ยอมขึ้นเลย ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาอึมครึมอีกรอบ เพราะการยืนในแดนบวกไม่มีวอลุ่มหนุนเจ้าค่ะ
*เมื่อรูปการณ์ออกมาเช่นนี้ “โมนิก้า” ขออนุญาตไขข้อข้องใจเพิ่มเติมว่า การแกว่งตัวของดัชนีไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนักเล่น แต่ที่น่ากังวลคือหุ้นหลายตัวเริ่มมีอาการขาแข้งสั่น แถมเริ่มยืนประคองตัวเพื่อรักษาฐานไม่ไหว ย่อมเป็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีสำหรับคนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต เพราะมันหมายความว่า โอกาสที่จะได้กำไรจากหุ้นที่ลงทุนไว้เริ่มห่างไกลออกทุกทีนะซี
*วานนี้ถึงเห็นดัชนีแกว่งตัวจะลงแหล่ มิลงแหล่ ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ 1,575.02 จุด บวกไป 0.91 จุด ด้วยมูลค่า 3.40 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการซื้อเวลาธรรมดาๆ ไม่มีอะไรต้องตีความให้มากมาย เพราะเมื่อเหลือบตามองหุ้นบลูชิพที่กำลังโดนเทขายเป็นระยะ ย่อมเป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับคนที่จะเข้าไปรับของร้อนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะจะบอกให้
*ประเด็นนี้ดูได้จากหุ้นถ่านหิน BANPU ถูกเทขายตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. เรื่อยมาจนถึงวานนี้ จากหุ้นที่เคยยืนอยู่ในระดับ 21 บาท ล่าสุดลงมายืนที่ 15.90 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่า 1.98 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนจิตตกกันอย่างถ้วนหน้า หลังเห็นหุ้นรูดทะลุจุดเด้งอย่างง่ายดาย พร้อมกับมีการตีความไปในทางลบทันทีว่า น่าจะได้เห็นราคาต่ำกว่านี้เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ TISCO เจอผลกระทบเกี่ยวกับมาตรการคุมกำเนิดบัตรเครดิตกับเขาด้วยเต็มๆ เพราะตัวเองเพิ่งไปฮุบรายย่อยทั้งหมดมาจาก ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ส่งผลให้ความฝันที่จะได้เห็นการเติบโตจากลูกค้ากลุ่มนี้หายไปในทันที พร้อมกับถูกแทนที่ด้วยแรงเทขายจำนวนมหาศาล วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมากองอยู่ที่ 72 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไปอีก 4% ด้วยมูลค่า 1.16 พันล้านบาท หลังผู้คนกังวลว่า เที่ยวนี้กระทบหนักนะซี
*อีกหนึ่งรายที่มีอาการไม่ค่อยสู้ดีนัก “โมนิก้า” คงต้องย้อนกลับไปดู SIRI เป็นรายถัดไปในทันที หลังหุ้นมีอาการหมดแรงข้าวต้ม ทั้งที่หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หุ้นแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 2.30-2.40 บาท จู่ๆ วานนี้หุ้นโดนสาดหนัก จนลงมากองอยู่ที่ 2.20 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า หากวันนี้หุ้นไม่เด้ง ต้องกลับไปตั้งหลักใหม่นะจ๊ะ
*เหมือนกับในรายของ RS โดนเทขายออกมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายลงมากองอยู่ที่ 13 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่า 234 ล้านบาท มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ sell on fact มากกว่าประเด็นอื่น เพราะทันทีที่มีการแถลงข่าวเรื่องรายได้ความสวยความงามกับธุรกิจเพลงในปี 61 จะอยู่ในระดับ 50:50 ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะแบบนี้ มันไม่สามารถตีความเป็นเรื่องอื่นได้จริงๆ นะคะ
*ไหนๆ เม้าท์ถึงเรื่องตีความขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้นบันเทิงเริงรำ BEC ทุกคนเชื่อว่า สถานการณ์ของบริษัทจะดีขึ้นในไม่ช้า ราคาหุ้นถึงพยายามยกตัวสูงขึ้นตลอดเวลา แต่เผอิญเหตุการณ์ขึ้นแรง ต่อจากนั้นโดนตบ เกิดขึ้นให้เห็นมาแล้ว 2 ครั้ง จึงสงสัยว่า การขึ้นเที่ยวนี้จะไปถึง 24 บาทไหม? หลังหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 20.90 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่า 355 ล้านบาท มีนัยสำคัญอะไรหรือเปล่า?
*เช่นเดียวกับในรายของ DTC กระชากขึ้นมาปิดจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 12.70 บาท บวกไป 2.90 บาท หรือขึ้นไป 29.60% ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาท มันเหมือนเป็นสงครามวันเดียวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อกลางปีที่แล้ว “โมนิก้า” ถึงมองปรากฏการณ์ในเที่ยวนี้ไม่ได้แตกต่างจากปีก่อนที่พุ่งขึ้นแรง หลังจากนั้นก็รูดลงมากองอยู่แถว 8.50 บาทในช่วงปลายปี ไม่เชื่อคอยดูกันไปเรื่อยๆ เจ้าค่ะ
*เรื่องนี้ทำให้ “โมนิก้า” คิดถึงหุ้น AS ขึ้นมาในทันที เพราะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เคยเห็นราคาหุ้นพุ่งจากระดับ 2 บาท ขึ้นไปแตะระดับ 3 บาทอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็รูดลงมากองที่เดิม แถมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 3 ครั้งในช่วง 4 เดือน เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเพิ่มความไวในการเล่นอีกนิดหนึ่ง หลังหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 2.44 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 99 ล้านบาทแล้วนะซี
*ส่วนรายที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกชิวๆ ไม่มีอะไรต้องซีเรียส ต้องหันมามอง ITEL เพราะธุรกิจกำลังไปได้สวย และราคาหุ้นก็ไปได้ดี ทุกอย่างเลยดูแฮปปี้ไปหมด บวกกับมีมือดีเข้ามาโอบอุ้มหุ้นสุดตัว เพราะเชื่อมั่นในฝีมือของพ่อหนุ่มไฟแรง วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 5.65 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่า 80 ล้านบาท บวกกับผู้รู้มองกำไรปี 60 โตขั้นต่ำ 50% ราคาเหมาะสมเป็นเท่าไหร่ ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ