เม่าซื้อคนเดียว
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นยังอยู่ในลักษณะกองทุนใหญ่พากันลดพอร์ต ขณะที่แมงเม่าเป็นฝ่ายช้อนหุ้นเข้าพอร์ตไปกว่า 1 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตเดิมๆ ที่ยังไม่มีนัยสำคัญอะไรมากมาย เพราะเที่ยวนี้ต้องวัดกันที่สายป่านใครยาวกว่ากัน หากแมงเม่ายังตั้งหลักเก็บหุ้นต่อไปเรื่อยๆ โพสิชั่นของหุ้นจะกลับมาอยู่ในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง ก่อนจะเทกตัวขึ้นอีกรอบนะจ๊ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นยังอยู่ในลักษณะกองทุนใหญ่พากันลดพอร์ต ขณะที่แมงเม่าเป็นฝ่ายช้อนหุ้นเข้าพอร์ตไปกว่า 1 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตเดิมๆ ที่ยังไม่มีนัยสำคัญอะไรมากมาย เพราะเที่ยวนี้ต้องวัดกันที่สายป่านใครยาวกว่ากัน หากแมงเม่ายังตั้งหลักเก็บหุ้นต่อไปเรื่อยๆ โพสิชั่นของหุ้นจะกลับมาอยู่ในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง ก่อนจะเทกตัวขึ้นอีกรอบนะจ๊ะ
*ถามว่า ประเด็นดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน? “โมนิก้า” ขอตอบว่า โลกของการลงทุนมีสิทธิ์เป็นไปได้ทุกอย่าง ที่ผ่านมาก็เคยเห็นกันแล้วว่า แมงเม่าเคยเป็นเสาหลักค้ำยันตลาดหุ้นในยุคหนึ่งมาแล้ว ถึงกระนั้นก็ต้องมองว่า ตอนนั้นภาวะเศรษฐกิจไม่ฝืดเคืองเหมือนยุคนี้ แถมบริษัทจดทะเบียนก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จึงอาจทำให้ผลลัพธ์ในเที่ยวนี้ไมเหมือนกับเที่ยวก่อนค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวดูได้จาก MEGA ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับลบสถิติที่เคยทำยอดไว้ที่บริเวณ 28 บาท ก่อนจะดันตัวเองขึ้นไปถึง 32 บาท แต่หลังจากนั้นกลับถูกเทขายต่อเนื่อง จนล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ 26.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่า 315 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตลดพอร์ตของพวกกองทุนตัวแสบ ซึ่งจะกดดันหุ้นลงไปหาฐานเก่า 24 บาทอีกรอบนะคะ
*คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของ SPRC ซึ่งทะยานขึ้นไปแตะระดับ 15 บาทปุ๊บ แรงเทขายก็ไหลออกมาปั๊บ จนราคาหุ้นไหลลงมายืนอยู่ที่ 13.90 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่า 450 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่แมงเม่าต้องถนอมตัวเองให้มากที่สุดด้วยการ wait&see เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ยันไม่อยู่แน่ๆ แล้วจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมล่ะคะ
*อีกหนึ่งรายที่ไม่ควรยุ่ง เพราะความชัดเจนในการทำธุรกิจยังไม่บังเกิด แถมวันนี้ยังไม่รู้ผลกระทบที่มีต่อตัว KTC หนักหนาสาหัสขนาดไหน? “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นเหตุผลในการเอามือไปรับของร้อน บวกกับสถานการณ์ล่าสุดที่หุ้นอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 106 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 1.85% ด้วยมูลค่า 350 ล้านบาท มันบอกให้เดี๊ยนรู้ว่า มีคนพร้อมจะ “ขาย” มากกว่า “ซื้อ” นะจะบอกให้
*เรื่องดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันไปมอง DCORP ที่ถูกถล่มเทขายอย่างหนักหน่วง จนรูดลงมาปิดราคาต่ำสุดของวันที่ 3.24 บาท ลบไป 1.38 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่า 188 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้พวกโลกสวยรู้ว่า มันจบแล้วครับนาย! ไม่มีเหตุผลต้องขยายความให้เสียเวลาเคาะขวาหุ้นตัวอื่น ในเมื่อหุ้นมาด้วยเกมปั่นแปะ จุดจบก็ต้องแยกวงกันเป็นธรรมดานะจ๊ะ
*ชื่นใจสุดๆ ในยามนี้ต้องยกให้ PDI ภายใต้การกุมบังเหียนของ “พี่ไมค์” เพราะทันทีที่ส่งลูกชายคนเล็กสุดหล่อ “ทอมมี่” ลงมาบัญชาการเกมธุรกิจด้วยตนเอง ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่สองพ่อลูกมองไว้ พรายกระซิบถึงแอบนินทาให้ฟังเป็นประจำว่า เจอหน้าทีไรก็ยิ้มไม่หุบทุกที แถมตัวเลขกำไรปีนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ บวกกับปีหน้า CGD ของคุณน้อง “เบน” กำลังจะเริ่มทำเงินเป็นกอบเป็นกำแบบนี้ เป็นใครก็แฮปปี้ทั้งนั้นจ้า!
*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอเก็บตกข่าวในสัปดาห์สักนิดหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเดี๊ยนก็เป็นคนเปิดรับข้อมูลทุกอย่าง ใครมีอะไรขัดข้องหมองใจก็บอกกันมาได้ ล่าสุดคุณพี่ “ชาญชัย” ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ นสพ.ข่าวหุ้น ฝากบอกให้เดี๊ยนชี้แจงข้อมูลในคอลัมน์ “ขี่พายุทะลุฟ้า” เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2560 ในหัวข้อ “ดองไอเฟค จนกลายเป็นไอเฟอะ” ซึ่งมีการพูดถึงเรื่อง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่นั่งเป็นกรรมการในสำนักงาน ก.ล.ต. แถมกินเงินเดือนสูงถึง 160,000 บาท กับ 540,000 บาทต่อเดือนนั้น!
* อันที่จริงเป็น เก้าอี้กรรมการดังกล่าวได้มาโดยตำแหน่ง พอหลุดจากตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ก็หมดวาระเป็นกรรมการไปโดยปริยาย จึงไม่มีอำนาจไปสั่งการอะไรได้ทั้งนั้น เพราะต้องให้ที่ประชุมบอร์ดเป็นคนลงความเห็นว่าควรดำเนินการอย่างไร! ส่วนเรื่องเงินเดือนที่รายงานไปข้างต้นค่อนข้างสูงลิบ ตัวเลขดังกล่าวเป็นยอดรวมทั้งปีที่นั่งอยู่ในบอร์ด น้องโมจึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันเจ้าค่ะ
*พร้อมกันนี้ก็ขอเม้าท์ถึงข่าวของ เซียน น. เพิ่มเติมสักนิดหนึ่งว่า ความระหองระแหงที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เอาเข้าจริงก็ไม่ร้ายแรงเหมือนที่เป็นข่าว เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องร่วมกันลงทุนอันเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่บอกให้ชาวหุ้นรู้ว่า ยามรักน้ำต้มผักที่หวานมันเป็นอย่างไร? พอถึงยามหมดรัก เลยเอวังด้วยการสวม Converse ทางใคร..ทางมัน ก็เท่านั้นเอง “โมนิก้า” จึงขอให้ท่านผู้อ่านระลึกไว้เสมอว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น “ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก” นะจะบอกให้