แปรปรวน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเหมือนสาววัยทองที่มีอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ครั้งไหนอยากจะดี ก็ดีจนน่าใจหาย ครั้งไหนอยากจะร้าย ก็ร้ายจนน่ากลัว “โมนิก้า” จึงอนุมานว่า การอ่อนตัวลงมาถึง 1,564.35 จุด ก่อนทะยานขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,569.24 จุด ลบไป 0.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.90 หมื่นล้านบาท มันเป็นการดักทางไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเกมที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความกล้าอยู่ในตัวนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเหมือนสาววัยทองที่มีอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ครั้งไหนอยากจะดี ก็ดีจนน่าใจหาย ครั้งไหนอยากจะร้าย ก็ร้ายจนน่ากลัว “โมนิก้า” จึงอนุมานว่า การอ่อนตัวลงมาถึง 1,564.35 จุด ก่อนทะยานขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,569.24 จุด ลบไป 0.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.90 หมื่นล้านบาท มันเป็นการดักทางไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเกมที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความกล้าอยู่ในตัวนะจะบอกให้
*เหตุผลที่ทำให้เดี๊ยนต้องกล่าวออกไปเช่นนั้นมาจากมูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบาง บวกกับดัชนียังอยู่ในช่วงไซด์เวย์ดาวน์ “โมนิก้า” ถึงต้องชี้ให้เห็นถึงผลได้ผลเสียแบบรอบด้าน เพราะการเด้งขึ้นแบบอ่อนๆ ในรอบนี้ไม่มีอะไรต่างจากรอบที่แล้ว ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนยังเป็นเรื่องเดิมๆ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลประกอบการหุ้นแบงก์ ฯลฯ ล้วนเป็นกิมมิคที่รู้กันอยู่เต็มอกนะจ๊ะ
*วันนี้ถึงไม่ต้องเดาเหตุการณ์ให้เสียเวลา เพราะคำตอบของวันนี้มีแค่ “ขึ้น” หรือ “ลง” เพราะตัวกระตุ้นที่ทำให้นักเล่นย้อนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกรอบมาจากความคาดหวังต่อสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น บวกกับหุ้นบลูชิพบางตัวขึ้นรอบใหม่อย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยยินดียินร้ายอะไรสักเท่าไหร่ ก็ของมันเห็นกันมาเป็นเดือนแล้วว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นเหมาะสำหรับเหล่าผู้กล้าเจ้าค่ะ
*ขนาดหุ้นพื้นๆ ธรรมดาๆ อย่าง DCORP อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ “อนิศ” ยังกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่า มีอะไรในกอไผ่? บวกกับตัวเจ้าของต้องเผชิญกับข่าวนินทาในทางเสียๆ หายๆ “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ที่นักเล่นต้องประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเอง เพราะแพทเทิร์นของการขึ้นเที่ยวนี้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เดี๊ยนถึงมองการเด้งขึ้นมาปิดที่ 4.20 บาท บวกไป 0.96 บาท หรือขึ้นไป 29.60% ด้วยมูลค่า 855 ล้านบาท มันเป็นอะไรที่เว่อร์มากๆ ไม่เชื่อลองถามใครดูก็ได้นะคะ
*อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้คือ การทะยานขึ้นของ ACAP จนขึ้นไปปิดที่ระดับ 19.10 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 5.50% “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักโหนกระแสต้องตามเกมให้ทัน และต้องฉวยโอกาสทำกำไรก่อนคนอื่น เพราะเท่าที่ดูตามทางข่าวที่พรายกระซิบรายงานเข้ามาเป็นระลอก น่าจะมีเรื่องแบบ “โหด มัน ฮา” เกิดขึ้นอีกในไม่ช้า จึงไม่มีความจำเป็นต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับหุ้นที่พร้อมจะมีเรื่องทุกเมื่อนะจะบอกให้
*ส่วนในรายของ PACE เว้ากันตรงๆ พูดกันแบบซื่อๆ ดีลนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แถมทุกคนรู้ดีว่า คนที่จะเข้ามารับไม้ต่อเป็นใคร? ทุนหนาขนาดไหน? “โมนิก้า” ไม่ขอออกแอ็กติ้งอะไรมากกว่านี้ เพราะมันไม่ค่อยงามสักไหร่! เดี๋ยวผู้คนเขาจะหาว่า ไม่มีความเป็นกุลสตรี ล่าสุดหุ้นทรุดลงปิดที่ 2.72 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4.20% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันมีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้ว หากยังข้องใจลองถามหนุ่มน้อย ป. ซึ่งออกตัวแรงแซงทางโค้งไว้ก่อนหน้านี้แล้วกันเจ้าค่ะ
*สำหรับในรายของ WHA มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในบริษัทอะป่าว! ราคาหุ้นถึงทิ้งดิ่งอย่างน่ากลัว! ทั้งที่เรื่องราวก่อนหน้านี้เหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ จู่ๆ กลับสาดหุ้นทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ราบรื่นเสียแล้ว ล่าสุดหุ้นม้วนตัวลงมากองอยู่ที่ 3 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่า 133 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ “เจ๊จูน” ต้องตอบสังคมให้ได้นะจะบอกให้
*เหมือนกับในรายของ CPALL ก็เป็นหุ้นที่มีข่าวคาวเกี่ยวกับธรรมาภิบาลมาโดยตลอด และสังคมก็เมินเฉยกับเรื่องดังกล่าวอย่างน่าตกใจ (กองทุนตัวแสบ) “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแปลกใจที่วานนี้มีการสาดหุ้นออกมาอย่างหนัก จนราคาหุ้นเปิดแก๊ปกระโดดลงมาปิดที่ 60.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่า 2.80 พันล้านบาท มันเป็นผลมาจากต่อมใต้จิตสำนึกเพิ่งเริ่มทำงาน หรือแค่เหตุผลทางเทคนิคบางประการ ใครรู้ช่วยตอบหน่อยค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ TPIPP หุ้นดาวร่วงที่นับวันจะอับเฉาลงเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เคยขายฝันให้ผู้คนตื่นเต้นอย่างไร วันนี้ก็ยังพยายามขายฝันเหมือนเดิม เผอิญรอบนี้อาจแตกต่างจากครั้งก่อนอยู่บ้างตรงกระแสหุ้นขนาดใหญ่ไม่เป็นที่ปลาบปลื้ม “โมนิก้า” ถึงไม่เชื่อว่า ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ถ้ามันดีจริงๆ หุ้นคงไม่ลงมาอยู่ที่ 7.05 บาท ลบไป 0.05 บาท จวนเจียนจะหลุดจองที่ราคา 7 บาทอีกครั้งหรอกค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องความหวังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องเม้าท์ถึงหุ้น KOOL พร้อมกันไปเลยทีเดียว หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.22 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่า 73 ล้านบาท ว่ากันว่า มันเป็นผลมาจากการลงมาถึงจุดต่ำสุดของหุ้น จึงมีความหวังที่จะได้เห็นอะไรหลายอย่างดีขึ้นตามไปด้วย! แถมยังมีการย้ำว่า หุ้นเคยอยู่แถว 9 บาท วันนี้เหลือราคาแค่นี้ มันลงเยอะเกินไป! ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหน หนูก็ฟังเขาเล่ามาอีกทีหนึ่งนะจ๊ะ