เงินเดือนอิสระทายท้าวิชามาร

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติตั้ง “คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ” เพื่อลดความลักลั่นของฐานเงินเดือนข้าราชการแต่ละประเภท

ผมร้องไชโยอยากเห็นมานาน เสียดายตอนท้ายบอกจะยังไม่ทำในรัฐบาลนี้ อ้าว ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่มีมาตรา 44 จะไหวหรือ เพราะเรื่องมันเกี่ยวกับเงินเดือนศาล อัยการ องค์กรอิสระ ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล

รองโฆษกฯไก่อูแถลงเองว่าความลักลั่นเริ่มจากการแยกเงินเดือนตุลาการ ตามด้วยอัยการ ครู ทหาร ตำรวจ ท่านนายกฯ จึงให้ตั้งกรรมการมาดูแลให้เหมาะสมเทียบเคียงกัน ไก่อูพูดถูกทุกอย่าง เสียอย่างเดียว คือลงท้ายว่าที่ผ่านมาเงินเดือนนายกฯ น้อยกว่าผู้พิพากษา เงินเดือนผู้บัญชาการกองพลน้อยกว่านายอำเภอ เรื่องแบบนี้ไม่น่าพูด เพราะคนจ้องจับผิดจะร้องว่า อ้าว จะขึ้นเงินเดือนให้ทหารนี่หว่า

เงินเดือนนายกฯ ไม่ได้น้อยกว่าผู้พิพากษานะครับ รวมเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งเท่าประธานศาลฎีกา ส่วนเงินเดือน ผบ.พลน้อยกว่านายอำเภอจริงไหมไม่ทราบแต่ไม่น่าพูดให้เกี่ยงงอนกัน ท่านควรจะไปเกี่ยงเงินเดือนศาล อัยการ องค์กรอิสระ องค์การมหาชน โน่นต่างหาก

ปัญหาลักลั่นเงินเดือนราชการเริ่มจากตุลาการแยกบัญชีเมื่อปี 43 ที่จริงเราถือว่าตุลาการต้องเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการอื่น เพราะห้ามประกอบอาชีพเสริม จริยธรรมศาลยังคลุมถึงลูกเมีย ห้ามประกอบอาชีพไม่เหมาะสม เช่น ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีเมียเปิดผับ มีลูกเปิดสำนักงานทนายความ ก็จบเห่

แต่ปัญหาคือการขึ้นเงินเดือนศาลเมื่อปี 43 สูงโต่งจนสะเทือนทั้งระบบ เริ่มจากวิชาชีพกฎหมายที่โวยวายว่าสมองไหล สุดท้ายก็ต้องขึ้นให้ยกแผง ตั้งแต่อัยการไปถึงนิติกร มันก็ยุ่งสิครับทีนี้ ข้าราชการทำงานงกๆ เหมือนกันแต่คนจบนิติศาสตร์ดันได้เงินมากกว่า

เงินเดือนศาลยังนำไปเป็นฐานองค์กรอิสระ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ก.ก.ต. ปปช. สตง. ผู้ตรวจฯลฯ ข้าราชการองค์กรอิสระเงินเดือนสูงโต่งกว่าข้าราชการทั่วไป บางแห่งมีทั้งเงินเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง เพราะเป็นอำนาจประธานสั่งจ่ายได้เอง ต่อมายังมี กสทช.ที่เงินเดือนสูงปรี๊ดขึ้นไปอีก

เงินเดือนองค์กรอิสระที่ว่าเทียบเคียงศาล ยังมีเครื่องอัฐบริขารประจำตำแหน่งมากกว่า เช่นมีทั้งที่ปรึกษา เลขาฯ คนขับรถ ที่จ้างมาเองตามอัธยาศัย จ้างลูกจ้างหลานยังได้

นี่เป็นภาพสะท้อนการบริหารงานองค์กรอิสระ ซึ่งคนนอกมองเห็นแค่ภาพลักษณ์สวยงาม บทบาทกรรมการไล่ล่านักการเมืองชั่ว แต่ปัญหาที่ไม่ค่อยพูดกันคือการบริหารงานบุคคลแบบกรรมการเป็นใหญ่ แล้วพอครบวาระ 6 ปี 9 ปี กรรมการก็ไป

องค์กรอิสระทุกองค์กร ตอนก่อตั้งก็ไปเอาข้าราชการจากระบบเดิม มหาดไทย ศึกษาฯ สาธารณสุข ฯลฯ มีไม่น้อยที่เข้ามาโดยระบบอุปถัมภ์ บ้างก็หมดหนทางก้าวหน้า วิ่งเต้นหาเงินดีกว่าเดิม ระบบรับคน ระบบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ไม่มีการตรวจสอบจากภายนอก ข้าราชการบางคนกรรมการดึงมา เผลอแป๊บเดียวจากซี 6 เลื่อนขึ้นซี 8 ซี 9 เรื่องเหล่านี้ลักลั่นยิ่งกว่าเงินเดือนเสียอีก

นี่ยังไม่พูดถึงองค์กรมหาชน องค์กรพิเศษ องค์กรตั้งตามกฎหมายเฉพาะ  ซึ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่าและถูกตรวจสอบน้อยกว่า

เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะทำ เพียงแต่ย้อนแย้งอยู่บ้างถ้าดูร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังจะเพิ่มองค์กรอิสระ องค์กรพิเศษ ขึ้นมาอีกมากมาย เท่าที่กรรมาธิการแถลง 11 องค์กร แต่ถ้าดูหมวดปฏิรูป ก็จะมีคณะกรรมการอีกนับสิบชุดพร้อมสำนักงาน

ดูไปดูมาก็เลยไม่รู้ว่าจะลดความลักลั่นหรือยิ่งลักลั่นกันขึ้นไปอีก