กล้าเคาะขวา?
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาตั้งคำถามข้างต้นแบบนี้ มันเกิดจากข้อมูลบางส่วนที่ไหลออกมาจากปากผู้รู้ที่พยายามย้ำว่า จังหวะนี้เป็นทางเลือกที่สำคัญของการลงทุน เพราะในแง่ของปัจจัยพื้นฐานไม่ซัพพอร์ตอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถ้ามองในแง่ของการเข้าทำสั้นๆ ก็เป็นจังหวะที่นักเล่นต้องไหลตามน้ำ เดี๊ยนถึงต้องให้ผู้เล่นต้องไปตัดสินความรวยความจนของแต่ละคนด้วยน้ำมือของตนเองไงล่ะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาตั้งคำถามข้างต้นแบบนี้ มันเกิดจากข้อมูลบางส่วนที่ไหลออกมาจากปากผู้รู้ที่พยายามย้ำว่า จังหวะนี้เป็นทางเลือกที่สำคัญของการลงทุน เพราะในแง่ของปัจจัยพื้นฐานไม่ซัพพอร์ตอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถ้ามองในแง่ของการเข้าทำสั้นๆ ก็เป็นจังหวะที่นักเล่นต้องไหลตามน้ำ เดี๊ยนถึงต้องให้ผู้เล่นต้องไปตัดสินความรวยความจนของแต่ละคนด้วยน้ำมือของตนเองไงล่ะค่ะ
*ผิดหวังอย่างรุนแรงต้องยกให้ STA ประกาศเพิ่มทุนราคา 10 บาทเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ 2 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน เพราะแสดงให้เห็นว่า การทะยานขึ้นของราคาหุ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงเกมดันหุ้นเพื่อล่อแมงเม่าไปใช้สิทธิ์ แต่เผอิญเที่ยวนี้ไม่มีใครหลงกลเข้าไปเล่นเกมดังกล่าว จึงยอมตัดขายหุ้นขาดทุนตั้งแต่หัววัน หุ้นถึงรูดลงมากองอยู่ที่ 13.20 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 11.40% ด้วยมูลค่า 341 ล้านบาท เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า หมดเสน่ห์เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับสมบัติผลัดกันชมอย่าง DCORP เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาเฉลยว่า “อุทัยพันธ์ จิรกุลพงศ์ธร” แอบเข้ามาเก็บหุ้นกว่า 3% จนทำให้ยอดรวมถือหุ้นพุ่งขึ้นไปแตะ 7.21% พร้อมกับตัวเองขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 แทนที่ของ “ภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์” ที่ถือหุ้นอยู่ 6.87% “โมนิก้า” มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า คงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะมันเป็นเพียงการเปลี่ยนตัวคนออกหน้า ส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่ 5.20 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ไม่มีนัยสำคัญนะจะบอกให้
*ผิดกับในรายของ S เชื้อเชิญ 3 กองทุนใหญ่เข้ามาซื้อหุ้น PP จำนวน 400 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.16 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.66 พันล้านบาท ย่อมเป็นเกมที่เหมาะสำหรับนักเล่นที่มีสายป่านยาว เพราะข้อมูลทางการเงินล่าสุดชี้ว่า ยังไม่มีโครงการไหนทำเงินมหาศาล! จึงต้องเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาต่อยอดโครงการที่กำลังทำ “โมนิก้า” ถึงมองการเด้งขึ้นมาปิดที่ 4.32 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่า 178 ล้านบาท มันเป็นการวิ่งรับข่าวสั้นๆ ต่อจากนั้นก็เลิกไปอีกตามเคยนะจ๊ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นที่ตั้งอยู่บนความหวัง “โมนิก้า” ต้องหันมามองช่องน้อยสี BEC หลังโดนเทขายอีกรอบ จนราคาหุ้นทรุดลงมายืนอยู่ที่ 19.20 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไปอีก 3% ด้วยมูลค่า 116 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่บอกให้รู้ว่า สงครามยังไม่สงบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ผสมกับค่า P/E ที่ระดับ 44 เท่ายืนค้ำคอแบบนี้ มองจากมุมไหน ด้านไหน หุ้นก็มีโอกาสลงมากกว่าขึ้นเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ HANA กับ KCE กำลังโค้งตัวลงอีกรอบ ย่อมเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องคิดให้ดีก่อนช้อนซื้อ เพราะมูฟเมนต์ของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ในครึ่งปีหลังไม่สดใสเหมือนครึ่งปีแรก “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการว้าวุ่นหัวใจมากเหลือเกิน บวกกับเห็นค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จึงน่าจะหาทางขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงออกไปก่อน หลังรายแรกทรุดลงมาอยู่ที่ 46.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่า 550 ล้านบาท ส่วนรายหลังลงมายืนที่ 100.50 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่า 760 ล้านบาท น่าเป็นห่วงจริงๆ นะคะ
*ขนาดอดีตดาวรุ่ง TRUE มีความครบเครื่อง “ทั้งบู๊..ทั้งบุ๋น” ยังไปไม่เป็นเหมือนกัน เพราะทันทีที่แรงซื้อไม่ต่อเนื่อง ก็โดนเทขายอย่างหนัก จนหุ้นลงมาทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน ตรงบริเวณ 5.90 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่า 899 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดตรงบริเวณจุดเด้งอย่างมีนัยสำคัญแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงให้แฟนคลับเป็นคนพิจารณาเรื่องนี้ด้วยตนเองว่า สมควรที่จะเดินหน้าลุยอีกยกหรือเปล่า?
*อีกหนึ่งกรณีที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับพิจารณากันให้ดี คงต้องย้อนกลับไปมองที่ PTTEP เพื่อเปิดภาพให้นักเล่นได้เห็นว่า เมื่อหุ้นเกิดอาการตื้อๆ ตันๆ บวกกับในรอบ 1 เดือนเริ่มมีการทรุดตัวลงแรงให้เห็นบ้างแล้ว เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า โอกาสที่หุ้นจะวิ่งฝ่าแนวต้าน 87 บาทคงไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะที่ราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 84.75 บาท ด้วยมูลค่า 388 ล้านบาท..มันเป็นจังหวะที่ต้องคิดเหมือนกันเจ้าค่ะ
*ส่วนที่ใส่กันหนุบหนับ ชนิดที่เคาะขวากันเพลิน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง NVD ซึ่งเป็นการเล่นที่สอดรับกับการเพิ่มทุน PP ราคา 5 บาท จำนวน 147.30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นถึงถีบตัวขึ้นมาปิดที่ 5.65 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่า 91 ล้านบาท พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นมาในทันทีว่า รอบนี้จะไปถึง 6 บาทเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นหรือเปล่า? ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ลองเปรียบเทียบค่า P/E 161 เท่า..มันน่าตามต่อไหมเอ่ย?
*เช่นเดียวกับในรายของ WHA กระชากขึ้น..กระชากลง ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.08 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่า 128 ล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบราคาเดิมๆ ที่เคยเล่นกันอยู่ที่ระดับ 3.00-3.20 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะเป็นการวิ่งสั้นๆ เหมาะต่อพวกนักเล่นที่ต้องการแค่กำไร 3 ช่องแล้วเผ่น วันนี้ถึงต้องใส่กันสุดติ่งไปเลยนะจ๊ะ
โมนิก้าและทีมงาน