สังคมข่าวหุ้น

คาเฟอีน

*หุ้นน้องใหม่ BGRIM วันแรก ดูวิ่งอืดๆ ปิดตลาดแค่ 16.90 บาท พอโผล่มาวานนี้ช่วงเช้า ทำท่ามีหลอกนิดหน่อย ราคาลงไป 16.80 บาท ก่อนจะเปิดไฟวิ่งชิดขวา แรลลี่ตลอดทั้งวันเลย และมาปิดตลาด 18.00 บาท บวกขึ้นมาจากราคาไอพีโอ 2 บาท ขายหมูกันเป็นแถว ส่วนใครบอกพี/อี แพง อย่าไปฟัง เพราะหุ้นหลายๆ ตัวพี/อี เป็น 50-60 เท่า หรือบางตัวร้อยกว่าเท่า ยังพุ่งเข้าไปเล่นกันสนุกสนาน

*หุ้นโรงไฟฟ้า TPIPP ของเฮียประชัย เลี่ยวไพรัตน์  เมื่อวานนี้ก็วิ่งขึ้นมาปิดทำนิวไฮ ที่ราคา 7.40 บาท วอลุ่มเยอะเสียด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ ราคาขึ้นมาได้สูงสุด 7.25 บาท แล้วร่วงไปยังแนวรับ 6.95 บาท เมื่อช่วงต้นอาทิตย์ จนหลายคนฝ่อ ขายทิ้ง (หมู) ก่อนจะกระเด้งขึ้นสวยงาม เห็นหุ้นโรงไฟฟ้าดีดขึ้นมาแบบนี้แล้วชื่นใจ ใครถือไว้ต้องใจเย็นๆ มีเงินเย็นๆ

*กลุ่มแบงก์แจ้งงบไตรมาส 2/60 เกือบครบแล้ว ขาดเพียง KKP ของกลุ่มวัฒนเวคิน ที่มีข่าวว่า จะโชว์ในวันศุกร์นี้ ขณะที่แบงก์ขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามคาดการณ์ทั้ง KTB BBL และ KBNAK ทำให้ยังช่วยประคองตลาดต่อไปได้ ส่วนแบงก์ขนาดกลางและเล็ก เช่น TISCO TMB TCAP และ BAY ต่างทำได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ให้ติดตาม “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ไว้นะ จะนำมารรวบรวมเป็นตารางให้ดูกันง่ายๆ ซึ่งน่าจะเป็นฉบับออกวันจันทร์ที่ 24 ก.ค.นี้

*หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT วิ่งผ่านแนวต้านสำคัญ 50 บาทได้อย่างสวยงาม มาปิดที่ 50.50 บาท ต่อหุ้น หลังวานนี้มีข่าวว่า คิง เพาเวอร์ ชนะประมูลดิวตี้ฟรีที่ดอนเมือง และเสนอราคามาสูงกว่าราคากลางด้วย ยังไม่รวมปัจจัยด้านการท่องเที่ยวที่ยังคงคึกคัก ส่วนราคาหุ้นตอนนี้ ได้วิ่งมาชนเป้าหมายของหลายโบรกฯ แล้ว ทำให้นักวิเคราะห์เตือนๆ ว่า ระวังแรงขายทำกำไรกันออกมาหน่อย

*หุ้นน้ำมันอย่าง PTG หลังจากก่อนหน้านี้ ราคาปรับลงมา 4 วันติดต่อกันแล้ว ก็กลับมาฟื้นตัวได้ขึ้นมานิดหน่อย ปิด 19.10 บาท บวกขึ้นมา 0.40 บาท เพื่อรับกับข่าวที่ว่า PTG เข้าซื้อหุ้น บริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (GFA) ผู้ดำเนินกิจการด้านธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายทางการค้า คิดเป็นสัดส่วน 99.99% ส่วนร้านอาหารของบริษัท เช่น Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express ต่อไป สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์ก็น่าจะเพิ่มขึ้น

*บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เส้นกราฟสวยจริง เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่เอียงไปทางขาขึ้นนะ ล่าสุดได้รับวงเงินกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ จากสถาบันการเงิน 3 แห่ง เพื่อใช้สำหรับการลงทุนโครงการความร้อนใต้พิภพ ในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยการเข้าซื้อหุ้น 33.33% ในบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (SEGHPL) และการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะทำให้ BCPG มีการลงทุนทางอ้อมในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียรวม 3 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 182 เมกะวัตต์

*เหลือเวลาอีกแค่วันนี้เท่านั้น สำหรับการจองซื้อ IPO หน่วยลงทุน “กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์” หรือ “BRRGIF” ใครสนใจกองทุนซื้อแล้วนอนรอรับปันผลยาวๆ ก็รีบไปซื้อที่ธนาคารกรุงเทพได้เลย  กองทุนนี้มีการประมาณการปันผลจ่ายจากกำไรสุทธิปีแรก 6.5% และเงินคืนหน่วยลงทุนอีก 4.7% รวมรับเงิน 11.2% ส่วนจุดเด่นคือความมั่นคงของรายได้จากสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. พร้อมทั้งความมั่นคงด้านวัตถุดิบจากกากอ้อยที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลของโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์หรือ BRR

*บล.บัวหลวง (BLS) จะเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) จำนวน 28 หลักทรัพย์ อ้างอิง บมจ.การบินกรุงเทพ (BA), บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL), บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA), บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL), บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT), บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS), บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH), ดัชนีราคา SET50 Index, บมจ. ศุภาลัย (SPALI), บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง(SPRC), บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO), บมจ.การบินไทย (THAI) และบมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) โดยจะทำการซื้อวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เป็นการเสนอขาย DW ประเภทสิทธิในการซื้อ (Call Warrants) และประเภทสิทธิในการขาย (Put Warrants)