STA เพิ่มทุนเอาหน้ารอด

บริษัทผู้ส่งออกยางดิบครบวงจรและถุงมือยางอันดับหนึ่งของไทย (บางช่วงบอกว่าของโลก) อย่าง ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ประกาศเพิ่มทุนใหม่ 20% น่าจะไม่ใช่เรื่องแปลก ... แต่ก็แปลกอยู่ดี


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

บริษัทผู้ส่งออกยางดิบครบวงจรและถุงมือยางอันดับหนึ่งของไทย (บางช่วงบอกว่าของโลก) อย่าง ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ประกาศเพิ่มทุนใหม่ 20% น่าจะไม่ใช่เรื่องแปลก … แต่ก็แปลกอยู่ดี

เหตุผลคือ เพิ่มทุนเอาไปใช้หนี้ และเสริมสภาพคล่องบริษัทในเครือ เพราะกำไรหดหาย จากขาลงของสินค้ายางพารา

คำถามเกิดขึ้นมากมายว่ายักษ์ใหญ่ค้ายางพารารายนี้ ที่เคยชูคำประกาศของประธานใหญ่นายไวยวุฒิ สินเจริญกุล (นั่งควบตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการด้วย) ที่ว่า “จะทำธุรกิจยางหัวใจต้องแข็งแรง”…มีความหมายอะไรกันแน่

วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2560 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 256 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท กลายเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,536 ล้านบาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (RO) ตามสัดส่วนการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 10 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Record Date) วันที่ 8 กันยายน 2560

การเพิ่มทุนครั้งนี้ กรรมการบริษัทระบุว่า คาดจะได้เงินจากการเพิ่มทุน จำนวน 2,560 ล้านบาท โดยจะนำไปแก้ปัญหาสภาพคล่องและใช้หนี้เป็นหลัก มีรายละเอียด 4 ด้านหยาบๆ ดังนี้

1) ชำระคืนเงินกู้บางส่วนที่บริษัทกู้ยืมมาเพื่อซื้อหุ้น บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1,500 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/60

2) ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่มีต่อสถาบันการเงิน (ตั๋วบี/อี) จำนวน 500 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/60

​3) นำไปลงทุนในการขยายกำลังการผลิตธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติในประเทศอินโดนีเซียและประเทศไทย จำนวน 410 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/61

4) นำไปลงทุนในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น จำนวน 150 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/61

มติเพิ่มทุนดังกล่าวจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2560 ในวันที่ 31 ส.ค. 60 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

​     ทันทีที่ประกาศออกมา ราคาหุ้น STA ร่วงแรง 11.41% ทันที เพราะนอกจากเหตุผลที่ราคาเพิ่มทุนคราวนี้ต่ำกว่าราคาซื้อขายบนกระดาน และต่ำกว่าบุ๊คแวลูที่ล่าสุดอยู่ที่เหนือกว่าหุ้นละ 15.00 บาท …ยังมีคำถามเรื่องความสามารถทำกำไรในอนาคตตามมาอีก

ข้อมูลงบการเงินของ STA สิ้นงวดไตรมาสแรกระบุว่า บริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้นเหลืออยู่มากถึง 1.97 หมื่นล้านบาท แต่มีหนี้สินรวมมากกว่าถึงระดับ 4.67 หมื่นล้านบาท มีค่าดี/อีที่ 2.4 เท่า ถือว่าแบกหนี้หลังแอ่นพอประมาณ

หนี้ที่หลังแอ่นนี้แหละ น่าจะเป็นเหตุผลทำให้เลี่ยงการเพิ่มทุนยาก เพราะทุนจดทะเบียนของ STA ค่อนข้างต่ำ เพียง 1,280 ล้านบาทมายาวนานแล้ว …แต่ที่สำคัญคือกำไรสุทธิของบริษัทเลวร้ายถึงขั้นขี้เหร่มาก มาหลายปีต่อเนื่อง

ทรัพย์สินใหญ่โตของ STA ที่มีโรงงานแปรรูปต้นน้ำ 4 แห่งใน 3 ประเทศ โรงงานแปรรูปกลางน้ำ-ปลายน้ำอีกกว่า 30 แห่งใน 4 ประเทศ และสวนยางอีกนับแสนไร่ทั่วประเทศ …ช่วยอะไรไม่ได้

เหตุผลหลักคือ ราคายางที่ร่วงลงต่อเนื่องทำให้กำไรจากการขายบางลง และขาดทุนจากสต๊อกสินค้าในมือ ถึงขั้นเงินกู้ระยะสั้นและยาวสารพัดเกิดอาการ “เอาไม่อยู่” ขึ้นมา

ความใหญ่โตของ STA กลายเป็นความใหญ่โตของไดโนเสาร์โดยปริยาย ใหญ่และมีอิทธิพลสูงต่อตลาด แต่กำไรย่ำแย่…. ไม่ต่างอะไรกับเสือผอมอมโรค ใครที่ไหนจะยำเกรง

ปี 2559 มีรายได้จากยอดขายยางทุกชนิด 10-11 ล้านตัน ที่ระดับ 7.79 หมื่นล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิถึง 757.99 ล้านบาท ส่วนปีนี้สิ้นไตรมาสแรกมีรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 2.9 หมื่นล้านบาท แต่กำไรสุทธิอย่างเสียไม่ได้ 7.59 ล้านบาท

ราคาหุ้น STA ที่ต่ำเตี้ยมายาวนานหลายเดือนต่ำกว่าบุ๊ค จึงถือว่ายังแพงอยู่เสมอ ยิ่งเพิ่มทุนใหม่ล่าสุดรอบนี้ ก็ยิ่งจะถือว่า แพงกว่าเดิมอีก… เพราะบุ๊คแวลูสูงแค่ไหน ก็ช่วยผลักดันให้อนาคตกลับมาฟื้นตัวยากเย็น

ยิ่งล่าสุดมีข่าวว่า สต๊อกยางจีนล้นเกินเพราะซื้อมาเยอะแล้วจนถึงอีกหลายปีข้างหน้า มีทางเลือกเดียวที่ STA จะกลับมาทำกำไรได้…. ต้องให้ลุงตู่ใช้มาตรา 44 ช่วยแทรกตลาดยกราคายางด้วยมาตรการ “เงินเฮลิคอปเตอร์” เท่านั้น

ผลประโยชน์ของชาวสวนยางที่เรียกร้องกันขรมยามนี้ … มีความหมายต่อกำไรในอนาคตของ STA มากกว่าชาวสวนยางหลายเท่า

ไม่เชื่อถามพรรคแมลงสาบ….และพรรคเอี้ยๆ (บางพรรค) ดูก็ได้

คำถามคือ ลุงตู่จะยอมกลืนน้ำลายใช้มาตรา 44 ช่วยธุรกิจยางพาราหรือไม่ ยัง…. ล่องลอยในสายลม

ถ้าช่วย มติเพิ่มทุนของ STA ก็อาจจะยกเลิกได้ … มีหลายช่องเปิดเอาไว้ให้กระทำ

ถ้าไม่ช่วย… ผู้ถือหุ้น STA ต้องตัดสินใจว่าจะก้มหน้าจ่ายเงินหุ้นละ10.00 บาทเพิ่มทุนอย่างไม่มีทางเลือกอื่นหรือไม่

แล้วก็ลืมเรื่องเก่าที่ 1 ในกรรมการและผู้บริหารรุ่นใหม่ของ STA อย่างนายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล หรือ เสี่ยจูเนียร์ ลูกชายคนโตของประธานไวยวุฒิ และนั่งเป็นกรรมการบริหารของ STA เคยสร้าง “วีรเวร” ทุบราคายางที่ผลิตในภาคอีสานว่าคุณภาพต่ำถึงขั้นที่ ” ….บริษัทมิชลิน และบริดจสโตน 2 ค่ายยางล้อรถยนต์ระดับโลก ประกาศไม่รับซื้อผลผลิตยางพาราในพื้นที่ภาคอีสานของไทย และตัดสินใจพับแผนก่อสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทในภาคอีสาน หลังพบว่า กว่าร้อยละ 80% ของพื้นที่มีการใช้ “กรดซัลฟิวริก” ใส่ในน้ำยาง….” ที่ลือลั่นจนต้องปฏิเสธเป็นพัลวันมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา

การเพิ่มทุนเพื่อ “หนีให้พ้นหนี้” ของ STA ครั้งนี้ จะนำไปสู่อะไร (ไม่นับบริษัทที่จะรอดตัวเฉพาะหน้าไปอีกฉากหนึ่ง)…. ยังไม่มีคำตอบ

รู้แค่ว่า ผู้ถือหุ้นเตรียมควักกระเป๋ารอได้เลย… พอแล้ว

งานนี้นักวิเคราะห์ “ขาเชียร์ตะพึด” ก็ยังบอกว่า “เห็นควรด้วย”..นี่นา

อิ อิ อิ

Back to top button