BAY ดาวฤกษ์ยามราตรีกาล

คนญี่ปุ่น ได้รับฉายาว่า ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น ...แต่คำประกาศของ นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ในบทสรุปผู้บริหาร ถึงงบการเงินไตรมาสสองและครึ่งแรกของปี 2560 ที่ผ่านไปว่า "ผลการดำเนินงาน...เป็นที่น่าพอใจมาก” มีความหมายมากกว่าคำพูดตามนิสัยของคนญี่ปุ่น


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

คนญี่ปุ่น ได้รับฉายาว่า ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น …แต่คำประกาศของ นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ในบทสรุปผู้บริหาร ถึงงบการเงินไตรมาสสองและครึ่งแรกของปี 2560 ที่ผ่านไปว่า “ผลการดำเนินงาน…เป็นที่น่าพอใจมาก” มีความหมายมากกว่าคำพูดตามนิสัยของคนญี่ปุ่น

เหตุผลก็เพราะผลประกอบการของ BAY ในไตรมาสสองและครึ่งแรกของปี เข้าขั้น “หัวกระทิ” เป็น 1 ใน 3 ของธนาคารพาณิชย์ไทยเลยทีเดียว…ตัวเลขไม่เคยโกหก

ตอกย้ำอีกครั้งว่า กำไรสวยงามของ BAY หลายปีนี้ นับตั้งแต่กลุ่ม MUFG เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการต่อจากกลุ่มจีอีของอเมริกาที่ถอนตัวโกยกำไรกลับไป…มาจากฝีมือล้วนๆ

มิใช่โชคช่วย หรือบังเอิญ

หากมองจากภาพรวม จะเห็นได้ชัดว่าไตรมาสสองและครึ่งแรกของปีนี้ ธนาคารพาณิชย์ไทยมีปัญหาในการดำเนินงานอย่างแรง ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนกันเลยทีเดียว… ภาพรวมธนาคารพาณิชย์ 11 แห่งในครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 60) มีกำไรสุทธิรวม 98,565 ล้านบาท หดตัว 0.70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 โดยธนาคารไทยพาณิชย์ที่ยังครองแชมป์ มีกำไรสุทธิมากสุดที่ 23,822 ล้านบาท แต่เติบโตเพียง 1.96% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,911 ล้านบาท ลดลง 7.1%

ปัญหา NPL คือเรื่องใหญ่ เพราะธนาคาราพาณิชย์ขนาดใหญ่สุดอย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัดมหาชน) หรือ BBL ที่มีกำไรครึ่งปีแรกโดดเด่น 16,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.59% ก็ยังมีตัวเลข NPL อยู่ที่ 84,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อ 3.70%

นายธนาคารกลางอย่าง นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า ผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 มีบางรายการที่เป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่กลายเป็นหนี้เสีย ทำให้การตั้งสำรองอาจเกิดขึ้นมากกว่าไตรมาส 1/2560 ถือเป็นเหตุการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้น เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังไม่กระจายตัวนัก บางภาคธุรกิจได้รับผลกระทบสะสม ต้องจับตากันต่อไป แม้ธนาคารส่วนใหญ่ยังมีเงินสำรองสูง ยังมีกำไรให้ตั้งสำรองเพิ่มเติมได้

BAY รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ของปี 2560 มีกำไรสุทธิ 5.87 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% จากไตรมาส 2/2559 และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาส 1/2560 ทำให้ครึ่งปีแรกของปีมีกำไรสุทธิรวม 11.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่วนรายละเอียดอื่นที่เป็นที่มาของความเยี่ยมยอด มีดังนี้

  • การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ มียอดรวมอยู่ที่ 48 ล้านล้านบาท : เพิ่มขึ้น 1.8% คิดเป็นจำนวน 26.62 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 ส่วนของเงินรับฝากมียอดรวม 1.16 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5.0% หรือจำนวน 55.02 พันล้านบาท  โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.82% ปรับตัวดีขึ้นจาก 3.78% ในครึ่งปีแรกของปี 2559
  • รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย : เพิ่มขึ้น 5% จากครึ่งปีแรกของปี 2559 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ซึ่งเติบโต 8.9% และ 5.2% ตามลำดับ โดยที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ปรับตัวดีขึ้นมาที่ 3.89% ในไตรมาส 2/2560 เทียบกับ 3.82% ในไตรมาส 1/2560 สะท้อนถึงอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ดีขึ้น
  • สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 24% ในเดือนมิถุนายน 2560 แต่ธนาคารก็ยังเข้มงวดกับการตั้งสำรองโดยตั้งสำรอง 5,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 3.7% ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.6%  และ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 15.96% ดีขึ้นจาก 14.16% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559
  • เงินให้สินเชื่อเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น 8% ขณะที่สินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME เติบโตที่ 3.3% และ 2.9% ตามลำดับ
  • เงินรับฝาก มีจำนวนเพิ่มขึ้น 02 พันล้านบาท หรือ 5.0% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2559 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากเงินรับฝากประจำ

ครึ่งปีแรกที่เต็มไปด้วยความยากลำบากสารพัดยังทำได้ระดับ..ดีไปหมด.. ดังนั้น “โกโตะซัง” จึงมั่นใจว่า ครึ่งปีหลังจะสบายขึ้นเพราะคาดว่าเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง จากการขยายตัวการส่งออก ท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งส่งผลดีต่อธนาคาร โดยคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ 6-8%

ซามูไรที่แท้ ต้องถ่อมตัว ยกเว้นตอนที่ดาบออกจากฝัก…มิยาโมโต้ มูซาชิ…บอกใบ้เอาไว้ใน คัมภีร์ห่วงทั้งห้า

แต่นักวิเคราะห์หุ้นไทย ไม่ใช่ซามูไร…แม้จะชอบ “ชักดาบยาว”…..จึงไม่ลังเลใจที่จะปรับราคาเป้าหมายใหม่จากราคาเดิม 41.50 บาท เป็น 43.50 บาท ทันควัน…เทียบกับราคาล่าสุดวานนี้ 36.25 บาท …อัพไซด์ไม่ธรรมดา 20%

ว่องไวกว่ากามนิตหนุ่ม…หลายช่วงตัว

อิ อิ อิ

Back to top button