พาราสาวะถี
วันที่ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทั้งนี้ ขอเชิญประชาชนร่วมสวดมนต์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อรชุน
วันที่ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทั้งนี้ ขอเชิญประชาชนร่วมสวดมนต์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2560 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2560 เวลา 17.00 น. ณ พระลานพระราชวังดุสิต ทั้งนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพิมพ์หนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ พระราชทานแก่ผู้เข้าร่วมพิธี
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถดาวน์โหลดบทเจริญพระพุทธมนต์ ได้จากเว็บไซต์กรมประชาสัมพันธ์ www.prd.go.th พร้อมรับชมรับฟังการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย งานสำคัญเช่นนี้คนไทยต่างพร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดีทั่วทั้งแผ่นดิน
เดือนที่แล้วหลายคนยังพอเข้าใจได้ว่า มีวันสุนทรภู่ จึงไม่แปลกที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสวมวิญญาณสุนทรตู่ร่ายกลอนสะท้อนภาพต่างๆนานา แต่ว่าผ่านพ้นมานานนับเดือนท่านผู้นำก็ยังคงสื่อสารผ่านบทกวี หนนี้ว่ากันเสียยาวยืดโดยมีลูกคู่คือ “ไก่อู”สรรเสริญ แก้วกำเนิด เชิญชวนคนรุ่นใหม่ถ้าชอบใจให้อัดคลิปอ่านเป็นทำนองเสนาะหรือจะขับเสภา แล้วแชร์ในโลกออนไลน์
ถือเป็นมุกที่ไม่ต้องลงทุน แต่จะมีกี่คนที่สนใจและซาบซึ้งในบทกลอนของท่านผู้นำ แล้วนำไปทำตามดังว่า นาทีนี้ถามคนส่วนใหญ่ของประเทศคงไม่มีใครครึ้มอกครึ้มใจ สบายอุราเหมือนผู้มีอำนาจกระมัง ก็เศรษฐกิจมันไม่เฟื่องฟู มิหนำซ้ำ ยังหดหัวอยู่ในรูโงหัวไม่ขึ้น คนไม่มีอันจะกินหรือพอมีจะกินก็เผชิญกับภาวะข้าวยากหมากแพง จะให้ใครมานั่งหัวเราะได้อย่างไร ถ้าทำได้คงเป็นการหัวเราะทั้งน้ำตา
เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ควรต้องทำให้เห็นผลคือปัญหาปากท้องของประชาชน แต่จนแล้วจนรอดผ่านมากว่า 3 ปี มีทีมเศรษฐกิจเป็นชุดที่ 2 คนยังสัมผัสจับต้องอะไรไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าเสนาบดีจากกระทรวงคุณหมอของหัวหน้าคณะผู้ยึดอำนาจ กลับเร่งดำเนินการที่จะแก้ไขพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือกฎหมายบัตรทองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกับรับใบสั่งจากใครมายังไงยังงั้น
ท่ามกลางการคัดค้านของกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย โชคดีที่ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้มีภาพใกล้ชิดกับระบอบทักษิณ มิเช่นนั้น เสียงที่ทักท้วงคงไร้น้ำหนักหรือไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจอย่างแน่นอน ไม่ว่ากระบวนการดังว่านั้นจะจบลงอย่างไร แต่สิ่งที่กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพได้ส่งเสียงเตือนนั้น ถือว่าน่ารับฟังทั้งสิ้น
เสียงของคนอย่าง เสรี อ๋องสมหวัง รับประกันได้ว่านี่ไม่ใช่พวกทักษิณและคนรักยิ่งลักษณ์ล้านเปอร์เซ็นต์ ต้องขีดเส้นใต้หลายๆชั้น กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ไม่เห็นด้วยกับการแก้พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ ในครั้งนี้ตั้งแต่แรก แต่ถ้ารัฐมนตรีสาธารณสุขจะดำเนินการแก้ ต้องแก้เฉพาะในประเด็นที่เป็นไปตามคำสั่ง มาตรา 44 ที่ 37/2559 และให้เพิ่มอำนาจหน้าที่ให้สปสช.สามารถจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น ตามที่ได้ดำเนินการมาด้วยดีตลอด 10 กว่าปีมานี้ได้เท่านั้น
ส่วนประเด็นอื่นที่คณะกรรมการพิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายบัตรทองเพิ่มเข้ามา กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพขอคัดค้าน ไม่ให้แก้จนกว่าจะจัดทำการศึกษาและมีข้อมูลวิชาการมาประกอบการพิจารณาก่อน รวมทั้งต้องดำเนินการจัดกระบวนการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ฉบับใหม่ให้สอดคล้องและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77
ปมของมาตรา 77 นั้น นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ขยายความว่า การแก้ไขกฎหมายบัตรทองครั้งนี้ มีกระบวนการแก้ไขที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ขัดกับหลักการตามมาตรา 77 ภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่ระบุชัดเจนว่า การยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายต้องมีการรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้อง และต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รัฐบาลจึงไม่ควรที่จะดำเนินการพิจารณากฎหมายที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดรัฐธรรมนูญ
นิมิตร์ย้ำว่า การแก้ไขกฎหมายบัตรทองครั้งนี้ เป็นที่สนใจและสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชน และกลุ่มเครือข่ายประชาชนอย่างกว้างขวาง เกินกว่าการจับตามองของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพไปแล้ว และได้สร้างกระแสความไม่เห็นด้วย และความกังวลต่อการแก้ไขกฎหมายบัตรทองที่ประชาชนมองว่าเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่จะเป็นหลักประกันในการมีชีวิต ซึ่งทางกลุ่มมองว่าหากดึงดันแก้ไขโดยไม่ฟังเสียงประชาชนแบบนี้ ประชาชนที่ติดตามเหล่านี้คงลุกขึ้นมาคัดค้านทั่วประเทศอย่างแน่นอน
แม้ว่าล่าสุด นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะออกมายืนยันว่า ในการจะทำการแก้ไขอะไรต้องดูที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ทุกคนก็หวังว่าจะเป็นไปตามคำพูดนี้ กลัวแต่ว่า ท่านจะหลงผิดคิดว่าประชาชนที่ต้องดูหรือต้องฟังนั้นคือมวลมหาประชาชน(อุปโลกน์) ซึ่งนั่นจะกลายเป็นคนละด้านกับกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่คัดค้านกันอยู่เวลานี้
สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้น หวังว่าจะไม่มีการยัดไส้หรือมุบมิบพิจารณากัน เหมือนอย่างกรณีเรือดำน้ำที่ต้องมาแก้ต่างแก้ตัวกันพัลวันในตอนหลัง หากมองสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้กับห้วงระยะเวลาที่ไม่ถึงเดือนก่อนการพิจารณาคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าใจว่ารัฐบาลไม่น่าจะเสี่ยงดันเรื่องร้อนอื่นเข้ามาเพื่อสร้างภาวะกดดันให้กับตนเอง
ต้องไม่ลืมว่า โครงการบัตรทองหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น แม้จะเป็นผลงานของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่มันไม่ได้เป็นเพียงแค่คนไทยเท่านั้น หากแต่นานาชาติที่นำโดยสหประชาชาติก็ถือเป็นต้นแบบของการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมกันของคนทุกระดับ นอกจาก ที่เขาไม่ยอมรับรัฐบาลเผด็จการแล้ว ท่านผู้นำยังจะดึงดังใช้ความเป็นเผด็จการผลักดันการแก้กฎหมายที่สร้างผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ในชาติ เพียงเพื่อทำลายล้างระบอบทักษิณก็ลองดู จะได้รู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายนั้นจะเป็นอย่างไร