เส้นทางนักลงทุน : 3 หุ้นโรงแรมส่อแววเชิงบวก
แนวโน้มธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวต่อเนื่องตามบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ใกล้เข้าสู่ภาวะปกติจากจำนวนนักท่องเที่ยวใน 6 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้น 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในเดือนเมษายน 2560 ที่ตรงกับช่วงเทศกาลอีสเตอร์จึงมีกลุ่มยุโรป-รัสเซียเข้ามาหนุน
แนวโน้มธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวต่อเนื่องตามบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ใกล้เข้าสู่ภาวะปกติจากจำนวนนักท่องเที่ยวใน 6 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้น 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในเดือนเมษายน 2560 ที่ตรงกับช่วงเทศกาลอีสเตอร์จึงมีกลุ่มยุโรป-รัสเซียเข้ามาหนุน
ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มปรับตัวสู่ภาวะปกติหลังจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญในช่วงก่อนหน้าส่งผลให้กลับมาเพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในเดือนมิถุนายน 2560
ขณะภาพรวมโรงแรมในมัลดีฟส์เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 5.8% จากต้นปีถึงปัจจุบัน ช่วยดูดซับจำนวนห้องพักที่ยังคงมีอุปทานส่วนเกินได้บางส่วน ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจโรงแรมช่วยชดเชยธุรกิจอาหารที่ได้รับผลกระทบช่วงสั้นจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ชะลอตัวลง แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของทั้งกลุ่มในช่วงครึ่งปีหลังจากฐานที่ต่ำในครึ่งหลังของปี 59 ได้
ผลดังกล่าวส่งผลบวกต่อ 3 บริษัท อย่าง บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL,
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
เนื่องจาก CENTEL เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากโรงแรมในมัลดีฟส์ที่ Revpar เดิมติดลบถึง 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 1 ปี 60 คาดจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ใกล้เคียงศูนย์ได้ ขณะธุรกิจอาหาร SSSG อาจจะออกมาไม่สู้ดีนักตามการบริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่
ขณะที่ ERW เปิด Hop Inn ต่อเนื่อง อีก 3 แห่งตามแผน ขณะที่รักษา Occupancy rate ระดับ 80% ไว้ได้ ทำให้ไตรมาส 2 ปี 60 จะเป็น Low season ที่แข็งแกร่งและทำกำไรได้ คาดจะเห็นการทยอยปรับ ADR ในช่วงที่เหลือของปี
ส่วน MINT ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวดี โดยเฉพาะ Tivoli ในโปรตุเกสและบราซิลหลังทำการรีโนเวทเสร็จสิ้น คาดหนุน Revpar รวมขยายตัวได้ระดับสองหลัก ชดเชยธุรกิจอาหารที่อาจเห็นการชะลอตัวจากฮับไทยที่โตได้ช้าลง ขณะที่ฮับสิงคโปร์ยังคงติดลบในทิศทางที่น้อยลง
นอกจากนี้ มีบทวิเคราะห์จากโบรกฯ ที่มองว่าหุ้นดังกล่าวยังคงเหมาะที่เข้าไปซื้อ เพราะยังมี upside เหลือจากราคาเป้าหมาย
สำหรับบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ทาง บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท เนื่องจากคิดว่า RevPAR จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 โดยการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และพิธีราชาภิเษกของพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่ ประเด็นสุดท้ายคาดว่าจะดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ RevPAR น่าจะมีเสถียรภาพในไตรมาส 2/60 แม้ว่าการจราจรจะคับคั่งในบริเวณด้านหน้าของโรงแรมเซนทาราแกรนด์ ลาดพร้าว จะทำให้กิจกรรม MICE ลดลง รวมทั้งการปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลเวิลด์ครั้งใหญ่ ทั้งสองโรงแรมคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้จากโรงแรม นอกจากนี้ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจพัทยามีสัดส่วน 12% ของรายได้จากโรงแรม โดยรองรับธุรกิจ MICE ที่คึกคักอีก
ต่อมาบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ทาง บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6 บาท มองแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 60 คาดว่ายังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งจากงวดเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับในช่วงครึ่งแรก โดยคาดจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ 34.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยการกลับมาของนักท่องเที่ยวรัสเซีย จีน และอินเดียที่โตแรง
ทำให้คงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ ERW จากการลงทุนที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดย ERW มีแผนใช้เม็ดเงินลงทุน 10,000 ล้านบาทในช่วงปี 2559-2563 ซึ่งจะทำให้มีจำนวนห้องพักเพิ่มเป็นมากกว่า 10,000 ห้องพัก จากสิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 6,385 ห้อง (เพิ่มขึ้น 50%) โดยขยายทั้งในไทยและฟิลิปปินส์ ซึ่งจากอิงจากความสำเร็จของการลงทุนในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาและ Portfolio โรงแรมที่แข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก เชื่อว่าโรงแรมที่เปิดใหม่ในอนาคตจะไม่เป็นตัวฉุดผลการดำเนินงานในภาพรวม ยังคาดกำไรปกติปี 2560-2561 เติบโตเฉลี่ยราว 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อนต่อปี
ส่วนบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท เพราะคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 60 โดยคาดกำไรปกติจะเติบโตทั้งไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องในทุกไตรมาสต่อจากนี้จนถึงไตรมาส 1 ปี 61 ธุรกิจโรงแรมยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักในช่วงที่เหลือของปี
โดยโรงแรมในไทยได้อานิสงส์จากฐานต่ำในปลายปีก่อนจากผลของการไว้ทุกข์ ขณะที่โรงแรม Tivoli ในโปรตุเกสและบราซิลหลังจากที่ปรับปรุงห้องพักทำให้สามารถปรับเพิ่มราคาได้ นอกจากนี้ยังกำลังเข้าสู่ Peak Season ของโปรตุเกสในไตรมาส 3 ปี 60 ส่วนแนวโน้มการบริโภคในประเทศน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในระยะถัดไปและช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจอาหาร ทำให้คงประมาณการกำไรปกติปี 2560 เติบโต 23.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม จากหุ้นกลุ่มโรงแรม ถือว่า MINT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสุดในช่วงครึ่งหลังของปี 60 จากแนวโน้มผลประกอบการโรงแรมในโปรตุเกสที่คาดว่าจะออกมาดีในไตรมาส 3 ปี 60 ที่เป็นไฮซีซั่น และจากกลุ่มอาหารที่คาดว่าช่วงไตรมาส 4 ปี 60 จะกลับมาทำผลงานได้ที่ดีสุดของปี