คุณค่าบริษัท : SMIT มีดีหลายด้าน
นับตั้งแต่ต้นปี 60 ราคาหุ้นบนกระดานของ บริษัท สหมิตรเครื่องกล จำกัด (มหาชน) หรือ SMIT เริ่มมีสัญญาณไปในทิศทางที่เป็นบวก ราคาหุ้นแกว่งตัวขาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ก่อนหน้าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ พร้อมวอลุ่มเทรดค่อนข้างเบาบาง
สำหรับราคาหุ้นต้นปี 60 อยู่ที่ 4.10 บาท จากนั้นมีแรงซื้อเข้ามาเป็นระยะๆ จนทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 6.55 บาท แต่ก็ได้มีการย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 5.30 บาท ในที่สุดราคาหุ้นก็ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งจนมาถึงปัจจุบันทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.55 บาท
จากการที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 51.41 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 43.85 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนขายและการบริการได้ดี
อีกทั้งยังมีเรื่องของการตั้งเป้าการเติบโตของบริษัทว่าปี 60 จะเติบโต 10% โดยหลักๆ มาจากการเติบโตในส่วนของ เครื่องเลเซอร์เหล็ก เครื่องจักรอุตสาหกรรมกระดาษ และอุตสาหกรรมไม้ ที่มีการขยายตัวเป็นปัจจัยบวกหนุนรายได้ของบริษัทในปีนี้ ในขณะที่อัตรากำไรประเมินว่ายังทรงตัวได้และมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด
สำหรับธุรกิจ SMIT ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมกระดาษ และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยบริษัทได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ Bohler International GmbH
ทั้งนี้ สัดส่วนของรายได้ของบริษัทสามารถแบ่งตามผลิตภัณฑ์ 6 กลุ่ม (จากการสำรวจของปี 59) ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์เหล็กแข็งสำหรับทำแม่พิมพ์ เครื่องมือและบริการ มีสัดส่วนรายได้ 55%, 2.ผลิตภัณฑ์เครื่องมือและเครื่องจักรกลโรงงาน มีสัดส่วนรายได้ 27%, 3.ผลิตภัณฑ์กลุ่มกระดาษ มีสัดส่วนรายได้ 5%, 4.ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมไม้ มีสัดส่วนรายได้ 7%, 5.ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไฟฟ้า มีสัดส่วนรายได้ 2% และ6.อื่นๆ 4%
นอกจากนี้ บริษัทพยายามเข้าสู่อุตสาหกรรมอากาศยาน (เครื่องบิน) ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น คาดว่าต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1-2 ปี โดยธรรมชาติของธุรกิจนี้การเพิ่มขึ้นของรายได้จะไม่ได้รวดเร็วนัก แต่หากเข้าไปในอุตสาหกรรมได้จะมีความยั่งยืนของรายได้และอัตรากำไรดี
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยที่สำคัญ คือทางบริษัทไม่มีหนี้สินที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากบริษัทมีหนี้น้อยมาก เพราะ D/E อยู่ที่ 0.05 เท่า แสดงว่าหนี้สินระยะยาวไม่มี ในขณะที่เงินสดในมือและเงินลงทุนของกองทุนเปิดตราสารหนี้ประมาณ 340 ล้าน คิดเป็นต่อหุ้น 0.64 บาทต่อหุ้น บริษัทมีข้อดีที่อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ผ่านมาสูงถึง 80% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในอดีตสูง 5%-6% เราไม่ได้ออกบทวิเคราะห์อย่างเป็นทางการเป็นเพียงการสรุปการประชุมกับผู้บริหาร
ด้วยภาพรวมของ SMIT ยังดูดี จึงเชื่อว่าจะช่วยผลักดันราคาหุ้นให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก
สิ่งสำคัญเมื่อนำมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นที่ 4.10 บาท มาคำนวณค่า P/BV ที่ระดับ 1.50 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ระดับ 6.15 บาท ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานอยู่ที่ระดับ 5.55 บาท นั้นแปลว่า ราคาหุ้นในกระดานอยู่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นค่อนข้างเยอะ และราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย 43,569,346 หุ้น 8.22%
- นายประสงค์ ศรีธรรัตน์กุล 42,878,936 หุ้น 8.09%
- น.ส.ปรางทิพย์ ศิวรักษ์ 33,191,000 หุ้น 6.26%
- น.ส.ศศิรัตน์ ศิวรักษ์ 29,865,200 หุ้น 5.63%
- น.ส.ปิยะมล ศรีธรรัตน์กุล 27,217,900 หุ้น 5.14%
รายชื่อกรรมการ
- นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการ
- นายพฤทธิ์ สรญาณธนาวุธ กรรมการผู้จัดการ
- นายพฤทธิ์ สรญาณธนาวุธ กรรมการ
- นายประสงค์ ศรีธรรัตน์กุล กรรมการ
- นายพรศิลป์ แต้มศิริชัย กรรมการ