เปิดโผกองทุนรวมแจ๋ว! Q2/60 ผลตอบแทนเกิน 5%

อุตสาหกรรมกองทุนไทยโตอย่างต่อเนื่อง โดยจบครึ่งแรกของปี 60 โต 3.64% ทำให้ยอดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวมไทยมาปิดที่ 4.82 ล้านล้านบาท นักลงทุนเริ่มส่งสัญญาณการลงทุนเพิ่มเข้ามาในไตรมาส 2 หลังจากสถานการณ์ของตลาดหุ้นเกิดอาการผันผวนในช่วงดังกล่าว ส่งผลให้ยอดเงินไหลเข้าสุทธิทั้งสิ้น 138,282 ล้านบาท และมีเงินไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศสุทธิคิดเป็น 163,155 ล้านบาท


อาจดูเหมือนว่านักลงทุนเริ่มมีความเข้าใจต่อสถานการณ์มากขึ้น ส่งผลให้เริ่มมีการนำเงินกลับมาลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมช่วงไตรมาส 2 นั่นเอง เหตุนักลงทุนเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงหรือเน้นการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนแบบกระจุกตัว

การลงทุนลักษณะกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในกองทุนรวม สะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังในการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี นักลงทุนจึงใช้วิธีเก่าๆ มาใช้นั่นเอง

ทั้งนี้ หลายกองทุนก็ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 ปี 60 มีกองทุนจำนวนมากที่ผลตอบแทนดีเยี่ยมให้เกินกว่า 5% (ดูจากตารางประกอบ)

ขณะที่ 5 อันดับแรก กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนสูงเกินกว่า 10% ได้แก่ กองทุนเปิด เจแปน สมอล แอนด์ มิด แคป ฟันด์ หรือ JSM ให้ผลตอบแทน 12.63% โดยจะเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United Japan Small And Mid Cap Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

อีกทั้งกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์ที่จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กถึงกลาง และมีแนวโน้มการลงทุนในระยะยาวที่ดี ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนซื้อ ขายในตลาดหลักทรัพย์ ของประเทศญี่ปุ่น หรือจดทะเบียนจัดตั้ง หรือมีการประกอบกิจการอย่างมีนัยสำคัญในประเทศญี่ปุ่น

ถัดมา กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เจแปน สมอล แอนด์ มิด แคป ฟันด์ หรือ UOBSJSM ให้ผลตอบแทน 12.44% โดยจะเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United Japan Small And Mid Cap Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

อีกทั้งกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์ที่จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กถึงกลาง และมีแนวโน้มการลงทุนในระยะยาวที่ดี ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนซื้อ ขายในตลาดหลักทรัพย์ ของประเทศญี่ปุ่น หรือจดทะเบียนจัดตั้ง หรือมีการประกอบกิจการอย่างมีนัยสำคัญในประเทศญี่ปุ่น

ถัดมา กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไชน่า หรือ ASP-CHINA ให้ผลตอบแทน 11.32% โดยมีการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นจีน Strategic China Panda Fund บริหารโดย E.I.Sturda PLC กองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนในหุ้นของจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์

ส่วน กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-EURO ให้ผลตอบแทน 10.10% โดยจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Continental European Small Cap Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทขนาดเล็กในตลาดยุโรป

จากกลุ่มกองทุน 5 อันดับแรกที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปีนี้นั้นล้วนแต่เป็นการลงทุนในหุ้นต่างประเทศทั้งสิ้น

Back to top button