ความเป็นธรรมจำนำข้าว

เจ้าของคลังข้าวในหลายจังหวัด ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายข้าวเสื่อมเป็นอาหารสัตว์ และขอให้ตรวจสอบคุณภาพใหม่


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง 

เจ้าของคลังข้าวในหลายจังหวัด ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายข้าวเสื่อมเป็นอาหารสัตว์ และขอให้ตรวจสอบคุณภาพใหม่

โดยเฉพาะที่อ่างทอง เกิดเรื่องดราม่า เมื่อทีมข่าวทีวีนำโดยฐปนีย์ เอียดศรีไชย ไปทำข่าวเจ้าของคลังข้าววรโชติ ร้องเรียนว่า ข้าว 6,600 ตันที่รับจำนำตั้งแต่ปี 56/57 องค์การคลังสินค้าจ้างให้ดูแล มีจำนวนหนึ่งถูกสุ่มตรวจเป็นข้าวเสื่อม ทั้งที่คุณภาพดี แล้วระหว่างที่สื่อทำข่าว ก็มีทหารเข้ามาด่า “ไอ้เฮีย หยุดถ่ายได้แล้ว ไม่งั้นจะยึดกล้องให้หมด”

ข่าวนี้มาในช่วงที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ จะพิพากษายิ่งลักษณ์พอดี แถมกรมบังคับคดีก็ยึดบัญชี ถอนเงินไปถือไว้ โฆษกไก่อูและอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ก็เลยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมมาเรียกร้องช่วงนี้

อ้าว ก็ขายข้าวในคลังเขาพอดี ไม่เรียกร้องช่วงนี้จะร้องช่วงไหนล่ะ

ถ้าฟังเหตุผลสักนิด จะพบว่าคลังข้าวร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเขาเอง เพราะในการประมูลขายเป็นอาหารสัตว์ กิโลกรัมละ 5.07 บาท คลังข้าวต้องจ่ายค่าเสียหายกิโลละ 5 บาท สมมติ 1 พันตันก็ต้องจ่าย 5 ล้านบาท ถูกดำเนินคดี ซ้ำ อคส.ยังไม่จ่ายค่าดูแลรักษาอีกหลายล้านบาท

นั่นไงครับ ค่าเสียหายไม่ได้ผลักให้ “อีปู” แต่ผู้เดียว เจ้าของคลังข้าว โรงสี เซอร์เวเยอร์ เดือดร้อนกันไปหมด ทั้งที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เลือกข้างทางการเมือง

คือถ้าเขาผิดจริง ก็ว่าไปตามผิด แต่ต้องให้ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ถามว่ามันจะเป็นอะไรไปนักหนา แค่ยอมให้ตรวจสอบคุณภาพใหม่ เพื่อความโปร่งใส กระจ่างแจ้งกันทุกฝ่าย ถ้าตรวจสอบแล้วเสื่อมจริง ทั้งคลังข้าว ทั้งพรรคเพื่อไทย ที่โฆษกไก่อูกล่าวหาว่าหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง จะได้หน้าหงายไป

เอ๊ะ หรือกลัวว่าถ้าตรวจสอบใหม่แล้วพบว่าข้าวคุณภาพดี รัฐบาลจะเสียเครดิต ส่งผลกระทบการเอาผิดคดีจำนำข้าว แต่ถ้าไม่ยอมให้ตรวจสอบ จะมีเครดิตเรื่องความยุติธรรมได้อย่างไร

อย่าลืมสิว่าไม่ใช่แค่เจ้าของคลังข้าว หรือพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโวย พรรคประชาธิปัตย์ก็ตั้งข้อสงสัยว่าการประมูลข้าวครั้งหลังไม่ชอบมาพากล ซ้ำยังมีรถบรรทุกข้าวโดนจับที่สระแก้ว อ้างว่านำเข้าจากกัมพูชา แต่ตรวจพบว่าเป็นข้าวที่เพิ่งประมูลมาราคาถูก

รัฐบาลประเมินค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 178,586.37 ล้านบาท เรียกจากยิ่งลักษณ์ 20% ที่เหลืออีก 80% หรือ 1.4 แสนล้านบาทจะไล่บี้จากผู้เกี่ยวข้องกว่า 800 คดีใน 33 จังหวัด มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ พนักงาน อคส. อ.ต.ก. โรงสี โกดัง เซอร์เวเยอร์ ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต รับจำนำข้าวผิดประเภท ข้าวหาย ปลอมปน ลงจำนวนไม่ตรง ฯลฯ ซึ่งจะกระทบต่อคนจำนวนมาก

การดำเนินการกับคนเหล่านี้ต้องให้ความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่อย่าให้มีวิธีคิดแบบจ้องเอาผิดนักการเมืองแล้วหญ้าแพรกแหลกลาญไปด้วย

ใช่เลยครับ โครงการรับจำนำข้าวมีช่องโหว่ ข้าวลม ข้าวปน ลงบัญชีไม่ตรง ฯลฯ แต่ก็เหมือนจำนำพืชผลทุกโครงการ ประกันราคาข้าวก็มีทุจริตตัวเลขลม ข้อแตกต่างคือจำนำข้าวใช้เงินมหาศาลกว่าทุกโครงการ ให้ราคาสูงลิ่วกว่าตลาดจาก 10,000 เป็น 15,000 จึงดูว่ามีความเสียหายมาก

“ความผิดเชิงนโยบาย” เป็นอีกเรื่อง แต่เวลาไปไล่ตรวจสอบข้าราชการ โกดัง โรงสี ฯลฯ ต้องว่าตามเนื้อผ้า เปิดเผย โปร่งใส ไม่ใช่ชี้ถูกชี้ผิดเอาเอง ในยุคที่ปิดกั้นเสรีภาพ ใครๆ ก็หวาดกลัว (แม้กระทั่งนักข่าว)

Back to top button