หยังเชิง !
*เมื่อผู้เล่นเข้าใจสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรเลวร้ายสุดซอย และไม่มีอะไรดีเลิศประเสริฐศรีอย่างที่คาดหวัง การเข้ามาเล่นเก็งกำไรถึงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระตุ้นให้นักลงทุนเกิดอาการฮึกเหิมขึ้นมาอีกรอบนั้น “โมนิก้า” มองเป็นวัฏจักรปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นไทยกำลังเลือกทางเดินใดทางเดินหนึ่ง จึงไม่มีอะไรต้องไปซีเรียสมากกว่าที่เป็นอยู่นะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*เมื่อผู้เล่นเข้าใจสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรเลวร้ายสุดซอย และไม่มีอะไรดีเลิศประเสริฐศรีอย่างที่คาดหวัง การเข้ามาเล่นเก็งกำไรถึงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระตุ้นให้นักลงทุนเกิดอาการฮึกเหิมขึ้นมาอีกรอบนั้น “โมนิก้า” มองเป็นวัฏจักรปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นไทยกำลังเลือกทางเดินใดทางเดินหนึ่ง จึงไม่มีอะไรต้องไปซีเรียสมากกว่าที่เป็นอยู่นะคะ
*เนื่องจากเกมการลงทุนในวันนี้ยังต้องเดินหน้าต่อไป และผู้เล่นก๊วนต่างๆ ยังต้องมีอาการคันไม้คันมือตลอดเวลา วานนี้ถึงเห็นพวกมือไวใจกล้าเริ่มเคาะขวาเพื่อหยังเชิงตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,576.45 จุด บวกไป 0.37 จุด ด้วยมูลค่า 3.90 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่วงเช้าดัชนีทรุดตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,571.65 จุด “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการประลองกำลังซื้อขายธรรมดาๆ นะจะบอกให้
*งานนี้ไม่ต้องวิตกเกินเหตุ และไม่ต้องดีใจออกนอกหน้า เพราะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาบรรยากาศการลงทุนก็เป็นเช่นนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองการเหวี่ยงตัวไปมาของดัชนีเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหน้าที่หลักของแมงเม่ายังอยู่ที่การทำกำไรให้ได้ทุกวิถีทาง เดี๊ยนถึงมองเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุผลสนับสนุน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างแน่นอนจ้า
*เหมือนกับการใช้สิทธิ์แปลง IVL-W1 ของหัวเรือใหญ่ “อาลก โลเฮีย” ในสัดส่วน 1:1 ราคาหุ้นละ 36 บาท ซึ่งใช้เงินไปทั้งสิ้น 1.20 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นเรื่องของการกอบกู้ความเชื่อมั่น หลังมีกระแสข่าวลือหนาหูในช่วงที่ผ่านมาว่า เจ้าของไม่ใช้สิทธิ์อย่างแน่นอน แต่ทันทีที่ความจริงเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการว่า ไม่เหมือนกับที่แมงลือเม้าท์กันสนุกปาก สถานการณ์ทุกอย่างก็ดูดีขึ้นในทันทีนะจะบอกให้
*ประเด็นตรงนี้สัมผัสได้จากราคาหุ้น IVL ทะยานขึ้นมาปิดที่ 37.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 807 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่า ราคาหุ้นจะไม่มีวันต่ำกว่า 36 บาท เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มีต้นทุนของหุ้นอยู่ที่ระดับดังกล่าว และตรงจุดนี้ยังกลายเป็นช็อตที่เร่งให้ราคาหุ้นถีบตัวขึ้นไปยืนเหนือ 40 บาท เนื่องจาก IVL-W2 ซึ่งจะหมดอายุในเดือน ส.ค. 61 มีราคาแปลงสิทธิ์อยู่ที่ระดับ 43 บาทนะสิ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที ก็ต้องมาต่อกันที่หุ้น BANPU เพราะการขึ้นเที่ยวนี้ก็มาจากความคาดหวังเป็นที่ตั้งเช่นกัน บวกกับราคาหุ้นถึงจังหวะเด้งกลับอย่างเป็นทางการพอดี วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ระดับ 16.80 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 1.79 พันล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า สเต็ปขึ้นต่อจากนี้จะอยู่ในระดับ 1 บาท โดยด่านแรกที่เจออยู่ตรง 17 บาทพอดี หากผ่านไปได้ก็จะเจอแถว 18 บาทอีกด่าน ไล่แบบนี้ไปเรื่อยๆ นะคะ
*อีกหนึ่งรายต้องจับตาดูกันยาวๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่เสือสุ่มอย่างหุ้น SPRC หลังไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนวานนี้ขึ้นปิดที่ 16.30 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่า 498 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้ามาในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 58 มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องตามเล่นไปเรื่อยๆ เพราะราคาที่เห็นสูงเหลือเกินในวันนี้ เขาเทรดกันบนค่า P/E 6.75 เท่า หุ้นถึงเหลือแก๊ปให้วิ่งอีกเพียบเจ้าคะ
*พูดถึงความร้อนแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น SUPER ที่วานนี้บวกแรงกว่า 3.88% มาแตะ 1.34 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายที่เข้ามาอย่างท่วมท้นทะลุ 773.67 ล้านบาท สัญญาณเทคนิคถือเป็นขาขึ้นรอบใหม่หลังทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันมาได้ การโชว์ของรอบนี้ทำให้ “โมนิก้า” แอบลุ้นว่ามีสิทธิ์วิ่งไปถึง 1.39 บาท ฟากพื้นฐานยังมีสตอรี่การตั้งกองทุนอินฟราฯ ที่หวังให้มาช่วยผลักดันผลการดำเนินงานอีกแรง เท่าที่เห็นกำไรหุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดา แค่ Q1 ไตรมาสเดียวก็มากกว่ากำไรทั้งปี 59 ไปแล้ว เข้าตำรา “หุ้นดีมีสตอรี่หนุน”
*ด้าน BEAUTY วานนี้ราคายังคงพุ่งอย่างต่อเนื่อง ลากมาปิดที่ 12.30 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.36% ด้วยมูลค่า 482 ล้านบาท เรื่องพื้นฐานไม่ต้องพูดถึงเป็นอีกตัวที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ร้อนแรงสุด และคาดกันว่าจะนิวไฮต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลัง แต่ใครที่ขึ้นขบวนช้าอาจจะต้องเสียใจ “โมนิก้า” ดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลาหมดรอบ เพราะราคาหุ้นเทรดที่ P/E สูงลิ่ว 49.16 เท่า เข้าซื้อตอนนี้เห็นทีจะได้ของแพงไปครองซะมากกว่า
*มาต่อที่หุ้นเครื่องดื่มอย่าง MALEE พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ 35 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 5.26% ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท หลังก่อนหน้านี้เป็นขาลงนานกว่าหนึ่งเดือน จากหุ้น “ดาวรุ่งขาประจำ” ช่วงไฮซีซั่นฤดูร้อน พื้นฐานหุ้นเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ รับมรสุมจากข่าวลบเงินบาทที่แข็งค่ากดดันให้ยอดส่งออกชะลอตัว หนำซ้ำยังมีความกังวลภาษีสรรพสามิตความหวานอีก การปรับขึ้นแรงในครั้งนี้ “โมนิก้า” ดูแล้วคงเป็นเพียงการเล่นเก็งกำไรในช่วงสั้นๆ
*ฟากหุ้นขวัญใจ ALT-SCI กลายเป็นหุ้น “ขวัญกระเจิง” ไปซะแล้ว เพราะราคาหุ้นทั้ง 2 เล่นดิ่งเหวทำเม่าเลือดสาดกันระนาว หากถามว่าเกิดอะไรขึ้น “โมนิก้า” ก็ขอตอบแบบเต็มปากเลยว่าธุรกิจในอนาคตของหุ้นทั้ง 2 ยังไม่มีแผนที่ชัดเจน แถมมีแมงเม้าท์ลือกันหึ่งว่าผลงาน Q2 จะเละไม่เป็นท่า งานนี้เดี๊ยนได้แต่เพียงกระซิบเตือนเบาๆ ว่าอย่างเผลอกระโจนเข้าใส่เห็นว่าเป็น “ของถูก” เพราะเท่าที่มองอาจจะได้เห็นนิวโลว์อีกรอบ
*ตบท้ายกันที่ควันหลงที่พัวพันกับโบรกเกอร์หน้ามนจอมฉก ซึ่งเพิ่งทำพิธีแจกกุญแจผีให้กับบรรดาเสี่ยใหญ่อย่างหน้าระรื่น แต่ดันไม่ยอมพูดคุยกับกลุ่มแมงเม่าที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของพนักงานที่ติดพันมาตั้งแต่สมัยเทกโอเวอร์โบรกเกอร์มาแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของสปิริตที่หาได้ค่อนข้างยากจากผู้บริหารกลุ่มนี้ จึงไม่แปลกใจที่วันนี้เริ่มเห็นพนักงานงานบางส่วน และแมงเม่าบางกลุ่มหันมาซบรังเก่ากันอย่างต่อเนื่อง..งานนี้บอกได้ทันทีว่า “กาลเวลาพิสูจน์ม้า ระยะทางพิสูจน์เจ๊”…อิอิอิ