พาราสาวะถี

เป็นกรณีศึกษาไม่ใช่ประเด็นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้อง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ในคดีสลายการชุมนุมของระบอบสนธิ-จำลองเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หากแต่เป็นท่าทีและการแสดงออกของแนวร่วมเสื้อเหลืองที่ไปรวมตัวบริเวณศาลเมื่อวานนี้


อรชุน

เป็นกรณีศึกษาไม่ใช่ประเด็นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้อง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ในคดีสลายการชุมนุมของระบอบสนธิ-จำลองเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หากแต่เป็นท่าทีและการแสดงออกของแนวร่วมเสื้อเหลืองที่ไปรวมตัวบริเวณศาลเมื่อวานนี้

ก่อนที่จะมีการตัดสิน คนเหล่านั้นได้ตะโกนด่าทอจำเลยทั้ง 4 รายที่เดินทางไปขึ้นศาล และพลันที่ทราบผลตัดสิน คนเหล่านั้นอีกเช่นกันที่พากันตะโกน ฆาตกรๆ ฆ่าประชาชน ทำไมไม่ติดคุก ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน ถามไปยังผู้มีอำนาจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มที่เดินทางไปให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใคร กลุ่มไหนที่ควรจะต้องเฝ้าระวังมากกว่ากัน

แน่นอนว่า ฝ่ายที่ถูกมองเหมือนพวกเดียวกันย่อมได้รับการผ่อนปรนเป็นเรื่องปกติ ขณะที่พวกที่ถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์ต้องจับตามองกันทุกฝีก้าว จึงมีการโหมประโคมข่าวเรื่องเฝ้าระวังผู้ที่จะมาให้กำลังใจยิ่งลักษณ์และเตือนประเด็นมือที่ 3 กันยกใหญ่ แล้วเป็นไง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นคนละเรื่อง ส่วนสิ่งที่มีการแสดงออกซึ่งตั้งคำถามเรื่องความยุติธรรมอยู่ตรงไหน จะเข้าข่ายการละเมิดศาลหรือไม่นั้น ทั้งหมดเป็นดุลพินิจของอำนาจฝ่ายตุลาการ

ดังที่สมชายได้พูดหลังเสร็จสิ้นกระบวนการรับฟังคำพิพากษา รู้สึกยินดีที่การต่อสู้ของเราได้รับความยุติธรรม เป็นความซาบซึ้งใจที่ความยุติธรรมยังมีอยู่ ทำให้มั่นใจว่าสถาบันตุลาการยังเป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ทั้งนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาให้กำลังใจ เมื่อศาลตัดสินแล้วทุกอย่างเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล และตนเคารพในคำพิพากษาของศาลเพราะศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจ

นี่คือคนที่เชื่อมั่นในกระบวนการที่เป็นไปตามครรลอง คงไม่ใช่เพราะหลุดคดีแล้วจึงกล้าพูดเช่นนี้ เพราะก่อนจะมีคำพิพากษานั้น พลตำรวจโทสุชาติ 1 ในจำเลยก็ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า พร้อมน้อมรับคำพิพากษาของศาล ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร และจะไม่ขอยื่นประกันตัวหรือยื่นอุทธรณ์ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

โดยพลตำรวจโทสุชาติได้เตรียมกระเป๋าสัมภาระมา 2 ใบ เตรียมพร้อมหากต้องติดคุก แต่ยืนยันที่ผ่านมาตลอดการต่อสู้คดี 9 ปี ได้พยายามชี้แจงต่อศาล ยืนยันการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เกินเลย เป็นไปตามสถานการณ์และกฎหมายทุกขั้นตอน ก่อนที่จะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาจำเลยทั้ง 4 คน ได้มีการพูดคุยหารือและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเห็นตรงกันว่าอยากให้คดีนี้สิ้นสุดลงจึงนัดกันมาฟังคำพิพากษาโดยพร้อมเพรียงกัน

ถือเป็นแบบอย่างของคดีทางการเมืองที่จำเลยต่อสู้ตามกระบวนการถึงที่สุด และไม่ได้หวั่นไหวว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร ขณะที่ท่าทีของคนบางคนบางพวกที่ยังคงกังขาต่อผลที่ออกมานั้น คงต้องฝากให้พวกเดียวกันไปช่วยสะกิด หากไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่ถือเป็นหลักในการชี้ถูกผิดของคนทั้งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองเสียแล้ว บ้านเมืองมันจะอยู่กันอย่างไร

จริงอยู่ที่ว่าเป็นศาลเดียว แต่เดิมนั้นฝ่ายโจทก์ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ก็สามารถดำเนินการได้ โดย อุดม รัฐอมฤต กรธ.บอกว่า ตามช่องทางแล้วสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญปี 2560 รองรับไว้ แม้จะยังไม่มีการประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เพียงแต่ว่าฝ่ายโจทก์อันหมายถึงป.ป.ช.จะใช้เหตุผลอย่างไร เพื่ออ้างสิทธิในการคุ้มครองบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 25 วรรคสอง เป็นเหตุในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่สิทธิในการอุทธรณ์คดีเป็นของฝ่ายจำเลยเท่านั้น ส่วนการพิจารณาว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา คงต้องดูว่าป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์หรือเปล่าและจะตัดสินใจยื่นก่อนหรือหลังประกาศใช้ร่างกฎหมายลูกฉบับใหม่

ขณะที่ วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป.ป.ช.ก็โยนให้เป็นเรื่องของป.ป.ช.ชุดปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ในฐานะคนที่มีส่วนร่วมในการชี้มูลความผิดอดีตนายกฯพร้อมพวกทั้ง 4 คน วิชาบอกว่าไม่รู้สึกใดๆกับคำตัดสิน เพราะเป็นดุลพินิจของศาล เรื่องนี้ป.ป.ช.ชุดเก่าทำเสร็จและผ่านไปแล้ว ไม่กังวลใดๆ ถือได้ว่าทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด

ทว่าที่ติดใจเป็นที่สุดคงหนีไม่พ้นแกนนำระบอบสนธิ-จำลอง เนื่องจาก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกของกลุ่มออกมายืนยันว่า ที่ผ่านมาทางกลุ่มไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้คดี ป.ป.ช.ใช้ทนายความของสภาทนายความทำให้ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเหตุการณ์ มิหนำซ้ำ อัยการยังไปเป็นทนายความให้กับฝ่ายจำเลยอีก สรุปแล้ว ทำให้การต่อสู้ไม่แข็งแรง

ไม่เพียงเท่านั้นป.ป.ช.ชุดปัจจุบันยังมีทีท่าจะถอนฟ้องคดีอีกต่างหาก เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่หวังเรื่องจะยื่นอุทธรณ์ พร้อมระบุถึงสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่าง พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.คนปัจจุบันกับพลตำรวจเอกพัชรวาทเป็นเหตุให้ทางระบอบสนธิ-จำลองไม่มั่นใจในท่าทีของป.ป.ช. งานนี้เชื่อว่าจะคงยังมีเสียงวิจารณ์ตามมาอีกแน่ แต่จะเป็นไปในรูปแบบใดเป็นเรื่องของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงต้องพิจารณาว่าท่าทีเหล่านั้นกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่

วันวานท่านผู้นำฉุนกับคำถามที่มีคนเปรียบเทียบสถานการณ์น้ำท่วมภาคอีสานกับปี 2554 โดยไล่ส่งให้ไปถามคนที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บว่าจะต้องไปย้อนความเพื่อให้เสียบรรยากาศกันทำไม ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภัยธรรมชาติ สงสัยท่านคงไม่ได้อ่านข่าวหรือลืมไปว่า คนที่พูดเรื่องนี้ก็คือกระบอกเสียงข้างกายของท่านนั่นเอง ถ้าเป็นโบราณคงต้องเรียกไปเขกกบาลหรือตบปากกันแล้ว โทษฐานทำตัวเป็นพวกปากไม่มีหูรูดพวกโอษฐภัยนำความเดือดร้อนมาให้นาย

Back to top button