พาราสาวะถี

ไม่รู้เป็นเพราะทำงานกันใกล้ชิดตั้งแต่ไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาหรือเปล่า เลยทำให้บางคนหรือหลายคนในรัฐบาลคสช. ถนัดที่จะประดิดประดอยถ้อยคำหรือสร้างวาทกรรมมาบิดเหตุการณ์รุนแรงให้ดูเหมือนเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดพลาดของพวกตนหรือไม่ก็ใช้วิธีการโยนความผิดไปให้รัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งมันเป็นเรื่อง(มัก)ง่ายเกินไป


อรชุน

ไม่รู้เป็นเพราะทำงานกันใกล้ชิดตั้งแต่ไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาหรือเปล่า เลยทำให้บางคนหรือหลายคนในรัฐบาลคสช. ถนัดที่จะประดิดประดอยถ้อยคำหรือสร้างวาทกรรมมาบิดเหตุการณ์รุนแรงให้ดูเหมือนเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดพลาดของพวกตนหรือไม่ก็ใช้วิธีการโยนความผิดไปให้รัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งมันเป็นเรื่อง(มัก)ง่ายเกินไป

ดังที่มีคนนำมาเปรียบเทียบคราวใช้กระสุนจริงยิงม็อบจนมีคนตายก็บอกว่าเป็นการกระชับพื้นที่ มารอบนี้น้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคอีสาน ก็บอกว่าเป็นผลพวกจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงนอกเหนือการควบคุม พร้อมทั้งนำไปเปรียบเทียบและโยนขี้ให้สถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2554 เป็นเรื่องของความผิดพลาดในการบริหารงาน

ตอกย้ำกันหลายกระทอก เนื่องจากอยากจะบอกว่าการแก้ปัญหาแบบใช้ปากทำงาน มันไม่ใช่วิถีและหนทางที่ทำให้ประชาชนยอมรับ เพราะยุคข่าวสารไร้พรมแดนคนทั่วไปต่างรู้ดีว่า ใครทำอะไร ที่ไหนอย่างไร หรือใครดีแต่พูด วันนี้เขารู้เช่นเห็นชาติกันหมด เช่นเดียวกับกรณีเขื่อนแตก ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเหมือนอย่างที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปพูดที่สกลนคร

หากลองคิดให้ลึกถ้าเหตุการณ์นี้เกิดในยุคของรัฐบาลเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของพวกระบอบทักษิณ ถามว่าจะถูกเล่นงานกันหนักขนาดไหน อย่างที่บอกไป คนส่วนใหญ่เข้าใจกันดีนี่คือภัยธรรมชาติที่ยากจะป้องกัน เพียงแต่ว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากได้ยินและการยืดอกยอมรับแบบชายชาติทหารคือ การพูดความจริง

แม้ความจริงบางเรื่องอาจเจ็บปวดหรือทำให้ใครบางคนบางพวกเสียหน้า แต่ความจริงดังว่าโดยเฉพาะเป็นความจริงที่เกี่ยวกับภัยพิบัติซึ่งจะเกิดขึ้นกับคนหมู่มาก ย่อมเป็นเรื่องที่ผู้จะได้รับผลกระทบอยากจะได้ยิน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเตรียมพร้อมในป้องกันเหตุร้าย รุนแรงที่จะเกิดขึ้น อย่างที่เห็นมวลน้ำมหาศาลที่กัดเซาะตามคำของคนที่ศรีธนญชัยเรียกพี่ทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นพัง วันนี้หายไปไหน

มันไม่ใช่ว่าเขื่อนพังน้ำท่วมสกลนครแล้วจบกัน แต่มันยังคงไหลหลากไปตามเส้นทางตามธรรมชาติและแน่นอนว่า พื้นที่ซึ่งน้ำไหลผ่านจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การพูดความจริงว่าเขื่อนพังและมีการแจ้งเตือนกันอย่างเป็นระบบจะทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำเตรียมตัว ป้องกัน ไม่ใช่ว่าทำให้น้ำไม่ท่วม แต่จะช่วยลดความสูญเสียจากมากให้เป็นน้อยได้

เสียงวิจารณ์ที่ดังกระหึ่มไม่ใช่เพราะต้องการให้ใครหรือท่านผู้มีอำนาจจะต้องแสดงความรับผิดชอบ หากแต่เป็นการสะท้อนภาพว่า ถ้าผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอุบัติภัย ใส่ใจและทำงานกันอย่างขันแข็ง แม้จะเป็นภัยธรรมชาติที่หนีไม่พ้น คนก็ยอมรับต่อความกระตือรือร้นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้

มิเช่นนั้น คงไม่เกิดคำถามต่อทั้งเรื่องของเรือหรือรถของหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่จังหวัดสกลนคร หรือกระทั่งเรื่องการลงพื้นที่ของท่านผู้นำ หากไม่มีฝ่ายการเมืองที่ถูกมองเป็นปฏิปักษ์ทักท้วงหรือออกมาสะกิด ท่านผู้นำอาจจะยังเบาใจรอให้สถานการณ์คลี่คลายมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงจะลงไปดูความเดือดร้อนเสียหายของประชาชน

ยังดีที่ว่าเวลานี้ไม่มีใครทะลึ่งไปขุดคุ้ยเอาเรื่องน้ำท่วมเมื่อปี 54 มาเปรียบเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคอีสานอีก และคงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบใดๆกับคนที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ประเภทต้องการจะหาเรื่อง นาทีนี้เป็นหน้าที่ของคนไทยจากภาคส่วนต่างๆที่ไม่ได้รับผลกระทบจะระดมความช่วยเหลือ น้ำจิตน้ำใจคนละเล็กละน้อยส่งไปซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน

รัฐบาลก็ทั้งระดมทุนจากการบริจาค และเตรียมการในเรื่องความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆ เช่นเดียวกับภาคเอกชนหลายแห่งที่ระดมความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ภัยธรรมชาติที่รุนแรงเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการส่งน้ำใจไปมอบให้ผู้เดือดร้อน ขณะที่ความเสียหายนั้นหลังน้ำรดคงได้ประเมินกันอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะมากมายขนาดไหนถ้าผู้มีอำนาจอยากได้ใจจากคนอีสานก็ต้องเร่งรัดการทำงานไม่ให้ยืดยาด อืดเป็นเรือเกลือตามระบบราชการเหมือนหลายๆกรณีที่เป็นอยู่

ส่วนเรื่องของสื่อบางรายที่ทำตัวเป็นผู้ดี ฉลาดล้ำกว่าใคร ด้วยการโพสต์ข้อความกระแนะกระแหนพี่น้องชาวอีสานที่เดินทางมาให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยการเปรียบเปรยคนเหล่านั้นเหมือนควายนั้น มันช่วยสะท้อนกำพืดของคนดังว่าแท้ที่จริงก็เป็นพวกดูถูก เหยียดหยาม เหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่ด้อยกว่า พฤติกรรมเช่นนี้มันจะมีก็แต่พวกเดรัจฉานเท่านั้น ผู้ที่มีความเป็นมนุษย์จะไม่ทำกัน

สื่อที่น่ายกย่องและเป็นคนที่เดินออกมาจากองค์กรของสื่อรายก่อนหน้า ประวิตร โรจนพฤกษ์ โพสต์ข้อความ 8 สิงหาคมนี้ ต้องเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือบก.ปอท. หลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่ากระทำผิดตามมาตรา 116 หรือที่รู้จักกันในข้อหายุยงปลุกปั่น

สิ่งที่ประวิตรถูกเล่นงานนั้นก็คือการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กประมาณ 5 ชิ้น แน่นอนว่าหนีไม่พ้นประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์คสช. ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันจะวิพากษ์เผด็จการคสช.ด้วยความสุจริตต่อไปจนกว่าตำรวจจะแย่งมือถือของตัวเองไป เป็นอีกรายที่ถูกเล่นงานด้วยข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อจาก วัฒนา เมืองสุข ที่เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหามาแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี พิชัย นริพทะพันธุ์ อีกรายที่ถูกบก.ปอท.เรียกไปพบในวันนี้ โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าถูกดำเนินการด้วยความผิดเรื่องใด เพราะก่อนหน้าก็มีภาพปรากฏไปร่วมงานวันเกิด ทักษิณ ชินวัตร ที่ลอนดอน ได้รับเชิญให้เยี่ยมชมสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์ BBC ในกรุงลอนดอน อีกทั้งเพิ่งได้รับเชิญไปรับประทานอาหารและพูดคุยกับผู้บริหารของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ที่บินมาจากประเทศญี่ปุ่น

แต่ไม่ว่าคนเหล่านี้จะถูกเรียกไปพบหรือแจ้งข้อกล่าวหาด้วยเหตุผลใด ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าแม้จะก้าวเข้าสู่โหมดการปฏิรูปประเทศ เดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ผู้มีอำนาจก็ยังคงไม่ยอมเปิดใจกว้างรับความเห็นต่าง แป๊ะยังรับไม่ได้กับเสียงที่ฟังแล้วไม่รื่นรูหู ถ้ายังอยู่ในวังวนแบบนี้คงมองไม่เห็นหนทางบ้านเมืองมันจะเดินไปข้างหน้ากันอย่างไร

Back to top button