เดี๋ยวทุบ..เดี๋ยวดัน

*ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากสุดในเที่ยวนี้คงเป็นเรื่อง “ทุบหุ้น ดันหุ้น” ด้วยน้ำมือของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ เพราะเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แถมยังทำให้ผู้เล่นเกิดอารมณ์ค้างกันเป็นแถวแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องรีบเข้าใจ และรีบปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผู้แพ้ตลอดไปนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากสุดในเที่ยวนี้คงเป็นเรื่อง “ทุบหุ้น ดันหุ้น” ด้วยน้ำมือของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ เพราะเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แถมยังทำให้ผู้เล่นเกิดอารมณ์ค้างกันเป็นแถวแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องรีบเข้าใจ และรีบปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผู้แพ้ตลอดไปนะคะ

*เรื่องนี้ดูได้ง่ายๆ จากทิศทางของเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนต่างชาติก็ขายหุ้นสะบันหั่นแหลกนั้น “โมนิก้า” มองเป็นโมเมนตัมที่สวนทางกันแบบพิลึกกึกกือมาระยะหนึ่ง สุดท้ายสถานการณ์ดังกล่าวก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนเช่นเคย แถมยอดซื้อขายหุ้นสุทธิในช่วง 7 วันที่ผ่านมากลายเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวขายหุ้นคนเดียวโดดๆ ไปทั้งสิ้น 6.88  พันล้านบาท และถ้ารวมตั้งแต่ต้นปีมียอดขายสุทธิ 22 ล้านบาทนะนายจ๋า!

*นั่นหมายความว่า โพสิชั่นของนักลงทุนต่างชาติกำลังเน้นไปที่เรื่องลดพอร์ต บวกกับกองทุนตัวแสบทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ ย่อมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ในครึ่งปีหลังไม่สวยงามเอาเสียเลย วานนี้ถึงเห็นดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,573.67 จุด ลบไป 4.59 จุด ด้วยมูลค่า 3.32 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้เล่นได้รับรู้ว่า แรงขายมีเยอะกว่าแรงซื้อนะจะบอกให้

*ประเด็นนี้เชื่อมโยงกับการอ่อนตัวของหุ้น PTG ลงมายืนอยู่ที่ระดับ 16.10 บาท ลบไป 1.60 บาท  หรือลงไป 9% ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท มันเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่พรายกระซิบเอ่ยถึงเชื่อ “เฮียไล้” ซึ่งเป็นขาใหญ่ที่คอยกุมทิศทางของหุ้นตัวนี้ตั้งแต่เริ่มต้น และการปล่อยให้หุ้นทำ new low ในรอบ 1 ปี 2 เดือน ก็เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดอีกครั้งว่า น่าจะเห็นราคาต่ำกว่านี้ในไม่ช้า..งานนี้ถึงต้องหันมาใช้นโยบายสวม Converse ชั่วคราวจ้า!

*เช่นเดียวกับบริษัทลูก AMA ทำท่าเหมือนตั้งลำได้มาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็โดนถล่มจนเสียศูนย์เป็นประจำ จากหุ้นที่เคยมีค่าตัวอยู่แถว 27 บาท ล่าสุดโดนเทจนลงมานอนอยู่ที่ 16.80 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 7.70% ด้วยมูลค่า 70 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ต้องถอยฉากแบบเร่งด่วน เพราะแรงเทขายก็ไม่หนาแน่นเหมือนหุ้นแม่ แต่หุ้นกลับรูดลงหนักพอกันแบบนี้ คงต้องจับตาดูว่า สัปดาห์นี้จะได้เห็นราคาต่ำกว่า 15.50 บาทหรือเปล่า? เพราะราคาดังกล่าวเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้าเทรดนะซี

*อีกหนึ่งรายที่สถานการณ์ไม่ค่อยดี “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันกลับมามอง BGRIM หลังราคาหุ้นย้อยตัวลงมาปิดที่ 17.40 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่า 840 ล้านบาท ก็รู้ได้ทันทีว่า ไม่ควรเข้าไปเล่นเกมนี้เป็นอันขาด เพราะกำลังอยู่ในช่วงทดสอบแรงเทขาย และผลลัพธ์ในเบื้องต้นก็ทำให้รู้ว่า ไม่มีใครอยากเข้ามารับของ ถึงปล่อยให้ราคาหุ้นร่วงลงมาเรื่อยๆ จึงต้องดูกันว่า วันนี้มีโอกาสเห็นราคาต่ำกว่าปิดเทรดวันแรกที่บริเวณ 16.90 บาทหรือเปล่า?

*ไหนๆ เม้าท์ถึงเรื่องแทงต่ำไม่แทงสูงทั้งที หุ้นขายกล้องหนึ่งเดียวของตลาดหุ้นไทย BIG ต่อกันไปเลยดีกว่า เพราะตอนนี้กำลังมีเรื่องให้ชาวหุ้นต้องคิดมากเป็นพิเศษเช่นกัน หลังมีกระแสข่าวลือมากมายถาโถมไม่หยุดหย่อน จนฉุดราคาหุ้นลงมาปิดที่ 3.62 บาท ลบไป 0.24 บาท หรือลงไป 6.22% ด้วยมูลค่า 154 ล้านบาท เท่ากับเป็นการยืนยันว่า ราคาปิดดังกล่าวไม่น่าใช่ราคาต่ำสุดของเที่ยวนี้กระมัง!

*ส่วนในรายของหุ้นน้องใหม่ FTE  อุตสาห์ตั้งท่าดี ออกตัวสวยงาม พอเอาเข้าจริงกลับล้มดื้อๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สัญญาณแทงเทียนดูไม่ดีเอาเสียเลย เพราะมันหมายความว่า มีแต่นักลงทุนสายไวไว(มาม่าไม่เกี่ยว) ยิ่งเห็นวันที่หุ้นขึ้นปิดเต็มหลอด พออีกวันหุ้นลงเต็มหลอดเช่นกัน ยิ่งทำให้คนที่กำลังจะเล่นหุ้นตัวนี้ ต้องประเมินราคาปิดที่ 3.44 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่า 95 ล้านบาท ใช่จุดลงทุนหรือเปล่า?

*สำหรับคนที่กระโจนเข้าใส่ SPVI อย่างเมามัน “โมนิก้า” คงไม่ต้องเสียเวลาไปทักท้วงอะไรให้มากความ เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า มาเหนือเมฆ ปัจจัยพื้นฐานไม่ต้องเอ่ยถึง ปัจจัยเทคนิคไม่ต้องถามหา เรื่องนี้ว่ากันด้วย “ความไว” กับ “ความกล้า” บวกกับการที่หุ้นเด้งขึ้นแรง พร้อมกับเปิดแก๊ปกว้าง 2 วันซ้อน มันทำให้ราคาปิดที่ 1.32 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 29.40% ด้วยมูลค่า 252 ล้านบาท มีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีกขั้นเจ้าค่ะ

*หากคิดอะไรไม่ออก “โมนิก้า” ขอให้ชำเลืองมอง PICO ทะยานขึ้นมาปิดที่ 6.95 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 136 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 80 เท่า เดี๊ยนมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็มีความเสี่ยงเต็มประตูหน้าต่าง แต่หุ้นยังดันด้นขึ้นได้ตลอดเวลาแบบนี้ คุณๆ ท่านๆ มองเรื่องนี้ปกติหรือเปล่า? หากคิดว่า ไม่แปลกอะไรเลย ก็เชิญลุยตามสบาย…อิอิอิ

Back to top button