พาราสาวะถี
ไม่รู้ว่าเป็นชุดข้อมูลเดียวกันหรือไม่ แต่ถือเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งในส่วนที่ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร จากพรรคเพื่อไทยออกมาปูดและยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ กับที่ วัชระ เพชรทอง จากค่ายประชาธิปัตย์ไปยื่นร้องต่อนายกรัฐมนตรี ปมโครงการระบายข้าวในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ของรัฐบาลที่พบว่าไม่มีความโปร่งใส
อรชุน
ไม่รู้ว่าเป็นชุดข้อมูลเดียวกันหรือไม่ แต่ถือเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งในส่วนที่ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร จากพรรคเพื่อไทยออกมาปูดและยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ กับที่ วัชระ เพชรทอง จากค่ายประชาธิปัตย์ไปยื่นร้องต่อนายกรัฐมนตรี ปมโครงการระบายข้าวในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ของรัฐบาลที่พบว่าไม่มีความโปร่งใส
โดยในรายของยุทธพงศ์ยืนยันว่ามีการนำข้าวคนไปขายในราคาข้าวสัตว์ และเกรงว่าจะมีการเล่นแร่แปรธาตุ นำข้าวที่ประมูลได้ไปเวียนเทียนขายให้คนบริโภค ซึ่งจะเป็นการทำลายตลาดข้าวไปในตัว ส่วนวัชระตั้งข้อสังเกตว่า รัฐเอื้อผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง และให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อข้าวอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนครั้งที่ 1/2560 ว่าถูกต้องครบถ้วนในวันที่มีการประกาศคุณสมบัติของบริษัท ณ วันที่ 22 มีนาคม 2560 หรือไม่
สิ่งที่วัชระกังขาคือ ถ้าคุณสมบัติไม่ครบ เหตุใดจึงมีสิทธิเข้าประมูลได้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องหรือเปล่า พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการกำหนดคุณสมบัติเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางรายหรือไม่ และยังได้แนบหลักฐานการจดทะเบียนประกอบกิจการโรงงานของ 4 บริษัทที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้เสนอซื้อข้าวล็อตดังกล่าวขาดคุณสมบัติ
โดยพบว่ามี 2 บริษัทจดทะเบียนโรงงานหลังวันที่ 22 มีนาคม 2560 คือ บริษัทกำแพงเพชร เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ได้ใบอนุญาต 27 เมษายน 2560 และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีไฟเกียรติบุญครอง ได้ใบอนุญาต 19 กรกฎาคม 2560 และมีอีกสองบริษัทยื่นหนังสือรง.4 ไม่ตรงวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้เป็นการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมโรงงานที่ไม่ใช่การบริโภคของคน
นั่นก็คือ บริษัทเชียงรายกิจศิริไซโล 1995 จำกัด และบริษัทจิรชัย โปรดิวซ์ จำกัด ซึ่งน่าจะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ จึงอยากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณา เพราะบริษัทเหล่านั้นจดทะเบียนหลังจากวันที่ทางราชการประกาศให้เป็นวันยื่นประมูลข้าว เมื่อการประมูลไม่ชอบ นายกฯต้องพิจารณาดำเนินการให้ชอบตามกฎหมาย
ท่วงทำนองของวัชระที่ย้ำว่าไม่ได้เคลื่อนไหวในนามพรรคเก่าแก่ แต่เป็นการดำเนินการส่วนตัว ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างหนึ่งก็เชื่อได้ว่า นี่ไม่ใช่เป็นการขยับเพื่อประโยชน์ในคดีที่จะพิพากษา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้แน่นอน การออกมาในห้วงเวลาที่คนของเพื่อไทยเพิ่งปูดข้อมูลไปและข้อมูลใหม่ที่ไปยื่นก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งนี้หากท่านผู้นำใส่ใจและยึดมั่นในคำสัญญาที่เคยประกาศไว้ จะทำการปราบปรามพวกฉ้อราษฎร์บังหลวงให้สิ้นซาก ยุครัฐบาลคสช.ต้องไม่มีทุจริตคอร์รัปชั่น จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสที่จะได้แสดงศักยภาพในการตรวจสอบและเอาผิด หากไม่พบประเด็นตามที่มีการกล่าวหาก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของหน่วยงาน องค์กรหรือภาคเอกชนนั้นๆในการที่จะไปดำเนินการเอาผิดกับผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเอง
จังหวะนี้ท่านผู้นำควรที่จะเร่งดำเนินการโดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีคนมาร้องเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรือเกรงว่าจะเสียหายเนื่องจากได้มีคำสั่งยกเว้นโทษความผิดให้กับผู้ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว เพราะหากใครกระทำการอันมิชอบ ย่อมต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้น เว้นเสียแต่ว่า จะมีธงนำตามที่อดีตนายกฯได้นำเสนอต่อศาลก่อนหน้านั้น มีคำสั่งไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในการเอาผิดโครงการจำนำข้าว ไม่ต้องคำนึงถึงความยุติธรรมแต่ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นั่นก็อีกเรื่อง
ส่วนกรณีนี้ ตั้งคำถามไปแล้วเมื่อวันวานและเมื่อผลเป็นอย่างนี้ถามว่าใครจะรับผิดชอบ สตง.ส่งเรื่องไปถึงกระทรวงมหาดไทยว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้งบประมาณโดยมิชอบ ส่อว่าจะขนคนมาให้กำลังใจยิ่งลักษณ์ แต่ล่าสุด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันหนักแน่น ไม่มี องค์กรไหนหรือใครที่ว่าให้บอกมา เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
อ้าว!แล้ว พิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าฯสตง.จะแก้ตัวอย่างไร เพราะหลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวดูเหมือนว่าจะมีการโหมกระพือและขึงขังที่จะเล่นงานอปท.(อุปโลกน์)เหล่านั้นให้ได้ แต่พอฟังคำตอบจากบิ๊กป้อมและ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 แทบจะกลายเป็นหนังคนละม้วน โดยเฉพาะเจ้ากระทรวงคลองหลอดบอกว่า หนังสือของสตง.แค่ให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบของอปท. เป็นการขอความร่วมมือให้กำชับกวดขันว่าไม่ให้ใช้ผิดประเภท ไม่ได้เกี่ยวกับการนำไปจ้างรถขนคนมาให้กำลังใจยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
นี่ไงคือการใช้วิธีสร้างข่าวแบบมักง่ายและไม่มีความรับผิดชอบ ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองอย่างเพื่อไทยจะต้องออกมาปฏิเสธหรือแก้ต่างแทนอปท. ควรต้องเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะในนามของสมาคมหรือสันติบาตอะไรก็สุดแท้แต่ ต้องออกมาเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบจากสตง.ว่ามีข้อกล่าวหาพล่อยๆอย่างนี้ได้อย่างไร หรือหากมีหลักฐานที่ชัดเจนขนาดนั้นก็ให้ดำเนินการเอาผิดทันที ถ้าไม่ทำก็ต้องดำเนินการเอาผิดโทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
เป็นไปเหมือนที่บอกมาโดยตลอด องค์กรหลายแห่งนั้นหากจะเกิดความเสื่อมมันไม่ได้เป็นไปเพราะการกล่าวหาหรือโจมตีจากคนหนึ่งคนใดหรือพวกหนึ่งพวกใด หากแต่เป็นความเสื่อมที่เกิดจากคนภายในองค์กรนั้นนั่นเอง สตง.ก็เช่นเดียวกันจากยุคคุณหญิงเป็ดที่เสื่อมเพราะตัวบุคคลมาจนถึงพิสิษฐ์ก็อย่าให้การที่จะสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง มาทำลายการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งจะต้องธำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมต่อทุกคนทุกฝ่าย หรือสร้างความเสียหายให้แก่องค์กรเหมือนที่ผ่านมา
เป็นไปตามคาด มีชัย ฤชุพันธุ์ บอกปัดคำเชิญ สมชัย ศรีสุทธิยากร แบบนิ่มๆที่จะให้มาร่วมสังเกตการณ์สาธิตเลือกตั้งจากบัตร 350 ประเภทในวันพรุ่งนี้ ด้วยเหตุผลร่างกฎหมายยังไม่เสร็จ รอให้ถึงจุดตรงนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่กกต.ชายเดี่ยวก็ไม่ได้สนใจ เพราะวันนี้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงถึงงานดังว่า แหมจังหวะ เวลาอย่างนี้ มักจะมีช็อตเด็ดๆอะไรแหลมมาให้ประชาชนได้ลุ้นกันอยู่เป็นประจำ ถ้าเป็นมวยก็ต้องบอกว่าไม่เสียดายค่าตั๋ว แต่พอเป็นคนดีมาประลองยุทธ์กันแล้วก็ต้องบอกว่ามันพะยะค่ะ