เจ้าชายกบรถอีแต๊ก

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

นายกรัฐมนตรีอำนาจพิเศษไปพบประชาชนที่โคราช ขึ้นรถไถนานั่งขับ หรือรถอีแต๊ก ชาวบ้านเอากบตัวใหญ่มาให้ นายกฯ ปล่อยมุขตลกว่าชาติหน้าขอเป็นเจ้าชายกบ แล้วมอบกบคืนไป

เป็นภาพถ่ายขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ชวนนึกถึงยิ่งลักษณ์ อภิสิทธิ์ ขึ้นรถหาเสียงโพสต์ท่าให้สื่อถ่ายภาพ

ก่อนนั้นตอนเช้า นายกฯ ไปพบชาวหัวทะเล ถามว่าจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แหม ทำโพลล์กันซึ่งหน้า ชาวบ้านจะตอบว่าเลือกอภิสิทธิ์หรือ ก็ต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์สิครับ (เลือกแล้วโดนผัวทิ้งมาฟ้องได้)

สมแล้วนิด้าโพลล์เพิ่งสำรวจผลงาน 3 ปี 79% เห็นว่าทำงานดี ดีมาก 81% เชื่อมั่นมีอุดมการณ์ ทำเพื่อชาติ นี่ถ้าสำรวจหลังหลานชายลาออกจากทหาร คะแนนอาจพุ่งขึ้นอีก

เสียอย่างเดียว กรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (ซึ่ง รมต.อุตตม สาวนายน เคยเป็นอธิการบดี) กลับให้คะแนนลดลง ทั้งตัวท่านเองและรัฐบาล เมื่อเทียบช่วง 2 ปี 2 ปีครึ่ง 3 ปี โดยเฉพาะคะแนนด้านเศรษฐกิจต่ำสุด 3.85 เต็ม 10

นั่นทั้งๆ ที่สภาพัฒน์ตีปี๊บ GDP ไตรมาสสองโต 3.7% สูงสุดในรอบ 4 ปี คาดว่าปีนี้จะโต 3.5 ถึง 4% สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ทีคุยฟุ้งอีก 2-3 ปีโต 5%

แต่ก็แปลกนะครับ GDP สูงขึ้น กำไรบริษัทจดทะเบียนกลับลดลง โดยมี 163 บริษัทขาดทุน ขณะที่เศรษฐกิจฐานราก สศก.ยอมรับ ดัชนีราคาสินค้าเกษตรเดือน ก.ค.ลดลง 15.62%  รายได้ภาคเกษตรกรหด 2.64% เดือน ส.ค.นี้ก็ยังลดลง แต่หวังว่าโครงการ 9101 ที่จะใส่เงิน 2.2 หมื่นล้าน งบบูรณาการสู่รากหญ้าอีก 9.9 หมื่นล้านจะทำให้เกษตรกรรายได้ดีขึ้น

รวมแล้วแสนกว่าล้าน ที่จะอัดฉีดลงสู่ชาวบ้าน แต่ไม่ใช่การหาเสียง ไม่ใช่ประชานิยมนะ

ก็ตามดูต่อไปว่า กว่าจะถึงเลือกตั้ง คะแนนนิยมยังแย่หรือดี ถ้าดีขึ้นฝูงกบที่ปรี๊ดๆ เชียร์เจ้าชายกบคงสุขสมหวัง ระหว่างนี้ก็เอาตัวรอดกันไปพลางๆ จนกว่า GDP จะถึงปากท้องชาวบ้าน ยกตัวอย่างร้านอาหาร สมาคมภัตตาคารไทยบอกว่ายอดขายตก คนรัดเข็มขัดลดกินข้าวนอกบ้าน ขนาดร้านแบรนด์ดังยังยอดตก 20-30% ต้องประคองตัวรอเศรษฐกิจดี

เศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องพื้นฐานสังคมไทยยอมละทิ้งเสรีภาพ ความยุติธรรม ยอมรับอำนาจพิเศษ โดยหวังเห็นความสงบ ได้ทำมาหากิน แต่ความขัดแย้งต่างๆ ก็สั่งสม รอปะทุอีกครั้ง ถ้าแก้ปากท้องไม่ตก ก็ยิ่งซ้ำเติม ฉะนั้น โลกหลังเลือกตั้งอาจไม่ใช่เทพนิยายในฝัน

ในทางการเมือง ไม่ว่าเศรษฐกิจดีอย่างไร ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งไม่พอใจต่อการจำกัดเสรีภาพ ความไม่ยุติธรรม ต่อให้ใช้กฎหมายกำจัดแกนนำเสื้อแดง เพื่อไทย จนไร้เสี้ยนหนาม ที่สุมอยู่ข้างล่างก็คือความคับแค้นใจ

ขณะเดียวกัน รัฐราชการอนุรักษนิยม ก็ขยายความขัดแย้งกับภาคประชาสังคม นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ เช่นเรื่องแก้กฎหมายบัตรทอง ใช้ ม.44 ให้คนนอกเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย หรือออกหมายเรียก “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” ไปจนกรณีเนติวิทย์

กระทั่งแนวร่วมอย่างพันธมิตร พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะขัดคออำนาจ เช่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วิพากษ์คณะกรรมการปฏิรูป ว่า “อนุรักษนิยม” ทำให้ขำกลิ้งจากเมืองไทยไปจรดออกซ์ฟอร์ด

แถมยังใช้อำนาจล้ำเส้น เกณฑ์สื่อไปแบ่งงานถ่ายทอด ครม.สัญจร พอสื่อประท้วงก็ฮึดฮัดไม่พอใจ ยังดีนะที่สื่อไทยว่านอนสอนง่ายพอๆ กับใช้ AI ไปทำข่าว

ใช้อำนาจแบบนี้ บริหารประเทศหลังเลือกตั้งไม่ได้หรอก จะไปสู่เลือกตั้งอย่างไร ยังมองไม่เห็นภาพเลย