การเมืองหลังยิ่งลักษณ์

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคำพิพากษา หลายคนมองว่าประเทศจะเข้าสู่โหมดการเมืองยุค “โพสต์ชินวัตร” ใช่ครับ เพียงแต่อาจมองต่างกันคนละทาง


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง 

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคำพิพากษา หลายคนมองว่าประเทศจะเข้าสู่โหมดการเมืองยุค “โพสต์ชินวัตร” ใช่ครับ เพียงแต่อาจมองต่างกันคนละทาง

ตระกูลชินวัตรคงต้องถอยห่างจากการเมือง จากพรรคเพื่อไทย ไม่มีอีกแล้ว “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” แม้อาจสนับสนุนอยู่ข้างหลัง แต่ไม่ใช่ธงนำ

ภาพลักษณ์แหลมคมที่จะเป็นคู่แข่ง ช่วงชิงอำนาจในสนามเลือกตั้ง ที่บางคนกลัวว่าจะกลับมาชนะถล่มทลาย ก็ลดความร้อนแรงลง (ยิ่งถ้าหัวหน้าพรรคคนใหม่มีท่าทีประนีประนอม)

การเปลี่ยนผ่านจากอำนาจปัจจุบันไปอยู่ในขวดใหม่หลังเลือกตั้ง ก็ดูจะราบรื่น กระทั่งบางคนมองว่า ผู้มีอำนาจสบายใจที่ยิ่งลักษณ์ไปเสียได้ กระทั่งบางคนข้องใจว่า ยิ่งลักษณ์ที่เคยมีเจ้าหน้าที่ติดตาม 24 ชั่วโมง แม้เข้าห้องน้ำ หลบหนีไปได้อย่างไร?

แต่อันที่จริง ไม่ว่ายิ่งลักษณ์จะอยู่หรือหนี การเปลี่ยนผ่านอำนาจก็ล็อกไว้แล้ว ด้วยกลไกรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง ฯลฯ เป็นไปไม่ได้หรอก ที่พรรคเพื่อไทยจะชนะถล่มทลาย ต่อให้ชนะ ก็ไม่รอด ส.ว.แต่งตั้ง องค์กรอิสระ กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ

เทียบ Scenario คือถ้ายิ่งลักษณ์ยังอยู่ ไม่ว่าในคุกหรือนอกคุก เธอก็จะเป็น “ธงนำ” เป็นขวัญกำลังใจในการสู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งคงจะดุเดือดเลือดพล่าน แต่ท้ายที่สุด ก็แพ้อยู่ดี

การที่ยิ่งลักษณ์อยู่หรือหนี จึงไม่ได้ส่งผลแพ้ชนะ (ซึ่งตัดสินมาตั้งแต่ 22 พ.ค. 57) แต่แน่ละ ทำให้พลังของพรรคเพื่อไทยอ่อนลง ลดความร้อนแรงลง

ถามว่าคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยลดลงหรือไม่ บางคนมองว่าอาจกระทบแนวร่วม แต่สำหรับมวลชนไม่มีผลกระทบอะไร แม้รัฐและฝ่ายตรงข้ามประณาม “ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม” แต่ทักษิณก็หนี “รัฐประหารตุลาการภิวัตน์” มาแล้ว ยิ่งสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมายืนยันว่าไม่หนีคดีขัดขวางเลือกตั้ง ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะม็อบเสื้อแดงติดคุกรวมกันนับพันปีแต่พันธมิตรยึดทำเนียบยึดสนามบินยังไม่โดนอะไร

อย่างไรก็ตาม แม้ความนิยมอาจคงเดิม แต่การสูญเสียผู้นำ ซึ่งเป็นที่รักของมวลชน ก็ย่อมทำให้พลังลดลง เพราะไม่มีแกนนำพรรคเพื่อไทยหรือ นปช.คนไหนเป็นศูนย์รวมได้เท่ายิ่งลักษณ์ ทักษิณ ยิ่งถ้ามองไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยน่าจะลดท่าทีเป็นปรปักษ์กับอำนาจ อย่างน้อยก็ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อรักษาเนื้อรักษาตัว

สถานะของอำนาจปัจจุบัน มองไปข้างหน้าจึงไม่มีคู่แข่ง อย่างน้อยก็ 7-8 ปี อย่างที่ ไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยฯรองนายกรัฐมนตรี บอกว่ายิ่งลักษณ์หนี เท่ากับปิดฉากการเมืองตระกูลชินวัตร สู่ยุค “บิ๊กตู่-มาร์ค” เนื้อหอม (แต่มองด้านกลับ ไพศาลอาจชี้ว่า คู่แข่งเหลือแต่ พล.อ.ประยุทธ์กับอภิสิทธิ์-ฮา)

กระนั้น มันก็ไม่ราบรื่นไปเสียหมดหรอกนะครับ การฉากหนีของตระกูลชินวัตร หลบไปจากภาพ “ผี” ที่หลอกหลอนมาสิบกว่าปี ให้เป็นที่แน่นอนว่าไม่สามารถกลับมาชิงอำนาจอีก ก็เท่ากับเปิดให้สังคมมองเห็นเป้าหมายใหม่ได้ชัดเจนว่า ใครที่จะครองอำนาจยาว จะยอมให้ระบอบนี้ครองอำนาจยาวจริงหรือ จะไหวหรือ 7-8 ปี

ไม่มีชินวัตรแล้ว จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไหม ไม่มีชินวัตรแล้ว จะปรองดองได้ไหม จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ จะเปิดพื้นที่เสรีภาพให้ประชาชนบ้างไหม หรือจะยังใช้อำนาจแบบเดิม หรือยิ่งเหลิงอำนาจ

ไม่มีคู่แข่ง ก็คือแข่งกับตัวเอง ไม่มีผี ก็ไม่สามารถโทษใคร แต่นี้ไป คุณ คือ เป้าของทุกฝ่าย

Back to top button