พาราสาวะถี
การเมืองว่าด้วยเรื่องยิ่งลักษณ์หนีคดี คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันอีก เพราะชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงทิ้งบ้านเกิดตามรอยพี่ชายไปอยู่แดนไกลแล้วแน่นอน ที่รอกันก็คือให้ครบวันกำหนดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษา 27 กันยายนนี้ มาดูว่าผลแห่งคดีจะออกมาในรูปแบบใด
อรชุน
การเมืองว่าด้วยเรื่องยิ่งลักษณ์หนีคดี คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันอีก เพราะชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงทิ้งบ้านเกิดตามรอยพี่ชายไปอยู่แดนไกลแล้วแน่นอน ที่รอกันก็คือให้ครบวันกำหนดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษา 27 กันยายนนี้ มาดูว่าผลแห่งคดีจะออกมาในรูปแบบใด
สิ่งสำคัญกับความเคลือบแคลงใจของคนส่วนใหญ่ที่ว่าภายใต้การปกครองในลักษณะนี้ยิ่งลักษณ์เผ่นไปแบบไร้ร่องรอยได้อย่างไร เมื่อเดาใจคนในรัฐบาลคงอยากให้เรื่องนี้จบในเร็ววัน บทสัมภาษณ์ล่าสุดของ วิษณุ เครืองาม มือกฎหมายประจำรัฐนาวาและคสช. น่าจะชัดเจนเป็นที่สุด รัฐบาลไม่ควรตอบเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลจะขาดทุน
ความหมายขาดทุนของวิษณุนั้นกินความได้กว้าง แต่หากมองแบบเข้าใจง่ายคือในภาวะขาลงการที่จะไปต่อความยาวสาวความยืดในเรื่องหนึ่งเรื่องใด อันจะเป็นผลกระทบต่อต้นทุนของรัฐบาลควรจะหลีกเลี่ยงเสีย จากนี้ก็ให้หันไปตั้งหน้าตั้งตาทำงาน และช่วยกันภาวนาขอให้เศรษฐกิจดีวันดีคืน เพื่อที่จะให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะอยู่กันไปแบบยาวๆ
ส่วนที่คนอย่าง ไพศาล พืชมงคล รีบออกมาบอกว่าหมดยุคของการเมืองในตระกูลชินวัตรแล้วจะเป็นยุคทองของพลเอกประยุทธ์กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น ไม่ทราบว่าคนพูดได้ไปถามที่คนพาดพิงถึงแล้วหรือไม่ ว่าดีใจที่ได้รับการยกยอปอปั้นหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือไม่รู้ว่าใช้ตรรกะอะไรมาสนับสนุน แต่ถ้ามั่นใจในระบบและกลไกที่องคาพยพแม่น้ำ 5 สายช่วยกันสร้างขึ้นมา อันนี้ก็ฟังดูมีน้ำหนัก
ในรายของหัวหน้าคสช.คนส่วนใหญ่เชื่อกันอยู่แล้วว่ากลับมาแน่หลังการเลือกตั้ง แต่สำหรับอภิสิทธิ์ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามคำทำนายหรือเปล่า เพราะการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย เว้นเสียแต่ว่าทุกคนเห็นไปในแนวทางเดียวกันและสยบยอมกับทุกข้อเสนอแนะของกปปส. นั่นน่าจะทำให้เดินไปบนถนนสายที่คณะรัฐประหารวางไว้ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การหนีของยิ่งลักษณ์ เริ่มมีการพูดถึงการเมืองไทยหลังจากนี้จะหมดยุคชินวัตรหรือโพสต์ชินวัตร โพสต์ทักษิณนั้น สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ มองว่า การปกครองยาวของรัฐบาลคสช.นั้น ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมาเป็นตัวบ่งบอก เพียงแต่ว่าเวลานี้รัฐบาลคสช.ดูจะเป็นรัฐบาลมีโอกาสที่มากกว่าชุดอื่นๆ โดยปกติการเมืองไทยของรัฐบาลทหารจะอยู่ในอำนาจไม่เกิน 2 ปี แต่ชุดนี้ทำท่าจะอยู่ 3-4 ปี เพราะตอบไม่ได้ว่าเลือกตั้งจะเริ่มเมื่อไหร่
แน่นอนว่า การสวิงของปีกชนชั้นกลางฝ่ายอนุรักษนิยมเป็นการสวิงขวามาก รวมกับชนชั้นนำหัวเก่า ผู้นำทหารหัวเก่า ถือว่ามีความเข้มแข็ง แต่ความเข้มแข็งแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีความอ่อนแอ วันนี้รัฐบาลคสช.โชคดีที่รัฐบาลประเทศมหาอำนาจเปลี่ยนแปลงทิศทาง ที่คิดว่าเดิมจะเป็นแรงกดดันทำให้เกิดประชาธิปไตยในไทยได้ ประกอบกับประเทศมหาอำนาจในเอเชียที่รัฐบาลคสช.เข้าไปหา พร้อมที่จะหลับตาให้กับการเมืองของประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
กระแสในประเทศไม่ได้หมดไป ที่เห็นสำคัญคือภาวะทางเศรษฐกิจ วันนี้ต้องไปสัมผัสความเป็นจริงว่าไม่ได้เป็นไปตามตัวเลขเศรษฐกิจที่แสดงกัน การตื่นตัวของประชาชนไทยในชนบท แม้ปัญญาชนจะไม่ตื่นตัว ตนเชื่อว่ากระแสประชาธิปไตยไม่ได้ตายไปจากการโค่นล้มทักษิณหรือการเขี่ยยิ่งลักษณ์ให้พ้นเส้นทางการเมือง ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้
ที่น่าสนใจคือ การสร้างประเทศเข้มแข็งโดยไม่เป็นประชาธิปไตย เหมือนอย่างที่รัฐบาลคสช.กำลังดำเนินการอยู่โดยชูธงนโยบายประชารัฐ เป็นสิ่งที่น่าห่วง เพราะประชารัฐคือรัฐราชการที่เคยดำเนินการมาแล้วในอดีตที่ละตินอเมริกา หรือที่เรียกว่ารัฐอำมาตยาธิปไตย ในที่สุดปรากฎว่าเดินต่อไม่ได้ สิ่งที่ล้มเหลวมากที่สุดคือด้านเศรษฐกิจ
การใช้แนวทางประชารัฐมาเป็นตัวแบบถือเป็นแบบที่ล้าหลัง การชูกลไกรัฐราชการเป็นตัวนำในการบริหารประเทศถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง เพราะราชการคือกลไกไม่ใช่ผู้ปกครอง ยิ่งการพยายามเดินตามตัวแบบอย่างของจีน สร้างรัฐทุนนิยมที่เป็นทุนนิยมโดยรัฐ ไทยจะไม่ไปถึงจุดนั้นได้ เพราะพื้นฐานการเมืองและสังคม ไม่ง่าย บทเรียนในอดีตยุคของจอมพลป. พิบูลสงคราม เคยล้มเหลวมาแล้ว
ขณะเดียวกัน สิ่งที่กองเชียร์ผู้มีอำนาจปัจจุบันมองว่าเป็นชัยชนะที่สามารถทำให้ยิ่งลักษณ์ต้องหนีไปได้นั้น วันนี้อาจเป็นชัยชนะชั่วคราวของปีกอนุรักษ์และปีกเสนานิยม ที่สามารถใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการจัดการปัญหาที่ถูกมองว่าเป็นอุปสรรคของคนกลุ่มนี้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นเครื่องมือในการไล่ล่าทางการเมือง เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศนี้จะมีปัญหาแน่ในอนาคต
ปัญหาที่เห็นในการฟ้องร้องนโยบายทางสาธารณะ เป็นปัญหาในอนาคตที่ใหญ่มาก รัฐบาลทุกรัฐบาลมีเอกสิทธิ์ของฝ่ายบริหารในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ถ้าผิดพลาดจะถูกตรวจสอบโดยรัฐสภาและถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง แต่ถ้าคิดว่านโยบายอย่างนี้เอาผิดทางอาญาได้ทุกอย่าง ต่อไปรัฐบาลในอนาคตจะทำนโยบายไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น การเมืองในอนาคตมีรัฐบาลจะไม่มีความสามารถในการทำนโยบาย แล้วจะเลือกตั้งไปเพื่ออะไร
มากไปกว่านั้น สิ่งที่เริ่มเห็นต้องทำความเข้าใจทั้งด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ นักนิติศาสตร์สายอนุรักษ์นิยม อาจจะเชื่อว่าการปกครองโดยกฎหมายเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมในตัวเองเสมอ แต่สุรชาติมองว่าไม่ใช่อย่างนั้น การปกครองโดยหลักนิติธรรม จะชอบธรรมต่อเมื่อรัฐมีนิติรัฐ ถ้ายังใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง อนาคตการเมืองไทยจะไม่ต่างจากตุรกีหรือปัญหาของรัฐบาลรัสเซียปัจจุบัน นาทีนี้ฝ่ายเชียร์รัฐบาลเผด็จการและแช่งระบอบทักษิณคงไม่เชื่อแบบนั้นแน่นอน