กองทุนติดดอย
จากต้นปี 60 มาถึงวานนี้(28 ส.ค.)
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
จากต้นปี 60 มาถึงวานนี้(28 ส.ค.)
นักลงทุนสถาบัน(ส่วนใหญ่เป็นกองทุน) ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 58,569 ล้านบาท
สวนทางกับนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,61 ล้านบาท
ส่วนรายย่อยเองก็ขายสุทธิ 50,177 ล้านบาท
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 60 ต่างชาติขายสุทธิ 6,486 ล้านบาท และเดือนสิงหาคมนี้อีกกว่า 11,527 ล้านบาท
รวมกันแล้วขายกว่า 18,013 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มที่เข้ามารับซื้อในช่วงที่ต่างชาติขายคือ กองทุน
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ นักลงทุนต่างชาติคงยังไม่กลับเข้ามาซื้อในตลาดหุ้นไทย
สรุปง่ายๆ กองทุน โบรกฯ และรายย่อย ก็คงเทรดกันเองไปเรื่อยๆ
ทว่า การที่ต่างชาติชะลอการกลับเข้ามา ก็ไม่ถึงกับจะหายแล้วหายลับ หรือกินเวลาทอดยาวข้ามปีไปหรอกนะ
เพราะยังมีประเด็นให้ลุ้นจากงาน “ไทยแลนด์โฟกัส 2017” ที่จะเริ่มในวันที่ 29 สิงหาคมนี้
หรือวันนี้นั่นเอง
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 60 ที่แจ้งออกมาเกี่ยวกับงานดังกล่าว บอกว่า มีกองทุนสนใจเข้าร่วมรับฟังโรดโชว์ครั้งนี้แล้วกว่า 130 กองทุน
และถือว่าเป็นจำนวนมากสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติยังคงให้ความสนใจกับตลาดหุ้นไทย
ไทยแลนด์โฟกัส ถือเป็นงานโรดโชว์ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ใหญ่สุดของไทย
หากจะให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ ก็คือ งานสัมมนานี้ คือ “กระบอกเสียง” ดึงต่างชาติเข้ามาลงทุน และมีตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นฝ่ายดำเนินการนั่นแหละ
ตอนนี้ทุกคนต่างฝากความหวังไว้ที่ไทยแลนด์โฟกัส
หุ้นกลุ่มหลักๆ ที่ต่างชาติให้ความสนใจยังคงอยู่ในกลุ่มบิ๊กแคป
ทั้งธนาคารพาณิชย์ KBANK และ BBL ส่วนกลุ่มพลังงาน นำโดยหุ้นในกลุ่ม ปตท.(PTT) ทั้ง PTTGC TOP IRPC
หรือหุ้นกลุ่มอื่นๆ หรือตัวหุ้นที่โดดเด่น หากมีดีอะไร ก็ต้องนำออกมานำเสนอกันให้มากๆ
นี่คือช่วงเวลาสำคัญสุดที่จะดึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติกลับมา หลังจากปัจจัยเรื่องการเมือง อาจจะเบาบางลงไปบ้าง และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/60 ที่ออกมา ขยายตัว 3.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้
มีการเปิดสถิติก่อนหน้านี้ครับ
หลังงานไทยแลนด์โฟกัส ดัชนีหุ้นไทยจะมีการปรับตัวเพิ่ม 3.0-3.5%
แต่ก็ไม่ใช่ทุกๆ ปีเสมอไป
เพราะนักวิเคราะห์บางคนบอกว่า หลังงานไทยแลนด์โฟกัส ยังคงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เวลานั้นๆ ของประเทศไทยด้วยว่าเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
เพราะเรื่องนี้ ยังคงเป็นข้อจำกัดการลงทุนของกองทุนขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก
นอกจากนี้ ปัจจัยในประเทศ ก็ยังมีปัจจัยของต่างประเทศด้วย ว่าจะเอื้อให้ต่างชาติกลับเข้ามาหรือไม่
มีคำถามว่า แล้วหลังงานไทยแลนด์โฟกัส และต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาล่ะ
กรณีนี้ก็ต้องดูว่า ต่างชาติยังขายสุทธิอีกต่อหรือไม่
เพราะผ่านมาถึงตอนนี้ สัดส่วนต่างชาติที่ถือหุ้นอยู่เหลือเพียง 30% ซึ่งต่ำสุดในรอบหลายๆ ปีเลย
และหากต่างชาติยังขายออกมาอีก ทางกองทุนก็อาจเข้าไปรับอีก
เพราะรายย่อยเองคงไม่มีกำลังซื้อเพียงพอ
ว่ากันว่า หากยังคงเป็นแบบนี้
โอกาสที่กองทุนจะติดดอยนั้น
มีอยู่สูงเลยล่ะ