IFEC ศรีธนญ(วิ)ชัยกันให้สุดๆ
ว่ากันว่าคนที่เป็นหมอหรือแพทย์ มักจะมีอีโก้สูง เชื่อว่าตนเองเก่งกว่าใครอื่นในสังคม ดังนั้น คนเก่งที่ดื้อจึงเป็นปรากฏการณ์ปกติ แต่รายของ หมอวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ...เป็นมากกว่านั้น
แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ว่ากันว่าคนที่เป็นหมอหรือแพทย์ มักจะมีอีโก้สูง เชื่อว่าตนเองเก่งกว่าใครอื่นในสังคม ดังนั้น คนเก่งที่ดื้อจึงเป็นปรากฏการณ์ปกติ แต่รายของ หมอวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC …เป็นมากกว่านั้น
ความดื้อรั้นและเล่ห์เพทุบายในการบริหารจัดการเพื่อยื้ออำนาจในองค์กรอย่าง IFEC ของหมอวิชัยนับแต่ปลายปี 2559 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเกือบ 10 เดือนแล้ว ถือได้ว่า เหมาะสมกับ ฉายา ศรีธนญ(วิ)ชัย…หาใครเลียนแบบได้ยากเย็น
เรียกว่าบริษัทฉิบหายเท่าใดไม่ว่า..ขอข้าฯ ยังนั่งเป็นประธานกรรมการบริษัทต่อไป…จนกว่าจะมาถึงทางตัน ซึ่งก็ว่ากันอีกที
นับตั้งแต่ปฏิบัติการขายหุ้น IFEC ทิ้งต่อเนื่องยาวนาน (ในลักษณะเข้าซื้อและขาย ทั้ง “ซื้อเช้า ขายบ่าย” หรือ “ซื้อบ่าย ขายเช้าพรุ่งนี้” สลับกันมาโดยตลอด) ร่วมกับผู้ร่วมผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมอย่าง เสี่ยอ๋า นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จนเหลือถือหุ้นรายละต่ำกว่า 5% …จนกระทั่งเสี่ยอ๋า ชิงลาออกตัดช่องน้อยไปก่อนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559
ทิ้งให้ปรากฏการณ์ “คนเก่าขายทิ้ง คนใหม่ดอดเก็บ” ของหุ้น IFEC เป็นตำนานเล่าขานกันอีก..เพราะ เสี่ยอ๋า ได้ขายหุ้นของตัวเองและพวก ออกให้กลุ่มทุน กลุ่มนายทวิช เตชะนาวากุล และลูก เกินกว่าสัดส่วน 10.21% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง
สงครามแย่งชิงอำนาจในบอร์ดรูม ที่เต็มไปด้วยการใส่ความและเล่นเกมชักเย่อสารพัด ถูกนำมาใช้ต่อเนื่องอย่างพลิกแพลง และดำเนินไปท่ามกลางข่าวการเบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อีและเงินกู้รูปแบบอื่นๆ เป็นวงเงินมากกว่า 8 พันล้านบาทกับบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายแหล่
ที่กล่าวมานี้ ยังมี่นับรวมกรณีความเสียหายของผู้ถือหุ้นถูกละเลยเพราะหุ้นถูกห้ามการซื้อขายไม่สิ้นสุด ตามด้วยกรณี แอบทำข้อตกลง “จะซื้อจะขาย” กิจการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ (MW) ใน จ.ลพบุรี ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว ของบริษัท ทรู เอ็นเนอร์ยี่ เพาเวอร์ ลพบุรี จำกัด (TRUE) ซึ่งเดิม เงิน 50 ล้านดังกล่าว หมอวิชัยเคยระบุว่า ได้เอา “เงินส่วนตัว” ไปชำระหนี้ตั๋วบี/อี ของ IFEC ในเดือนธันวาคมนั้น..เอาเข้าจริง มาจากการ “กู้ยืม” ด้วยเงื่อนไขที่เอาทรัพย์สินของ IFEC และบริษัทในเครือ ไปทำข้อตกลง…โดยมีปริศนาเรื่องความชอบธรรมของการกระทำ
แล้วก็ยังไม่รวมถึงกรณีทรัพย์สินของโรงแรมดาราเทวีมูลค่า 5.0 พันล้านไปค้ำประกันหนี้ตั๋วบี/อี มูลค่าไม่ถึง 100 ล้านบาท
ปฏิบัติการต่างๆ ในสงครามบอร์ดรูม (การเลือกกรรมการบริษัทอันผิดปกติ การถูกนายทะเบียนปฏิเสธรับจดทะเบียนกรรมการ และการห้องร้องต่อ ก.ล.ต..หลายกระทง) การสาดโคลนใส่กันในพื้นที่สื่อที่ดำเนินมา และกรณีหุ้น IFEC จำนวนกว่า 57 ล้านหุ้นที่หมอวิชัยจำนำไว้กับ 3 บริษัทหลักทรัพย์ถูกนำมาขายทอดตลาด ….ไม่สามารถปิดบังข้อเท็จจริงที่ว่า IFEC โดยหมอวิชัยในฐานะประธานกรรมการบริษัท ไม่สามารถส่งงบการเงินสิ้นงวดปี 2559 มานานหลายเดือน
แล้วในที่สุด สิ่งที่ทุกคนรอคอยก็ออกมา …ซึ่งเป็นไปตามคาด เพราะงบการเงินสิ้นงวดสุดท้ายปี 2559 ออกมารายงานต่อตลาดฯ ปรากฏว่า ขาดทุนมากถึง 1.9 พันล้านบาท รับผลจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานเป็นหลัก
ผลขาดทุนของบริษัทและบริษัทย่อย (ที่พลิกจากปี 2558 ที่มีกำไร 321.30 ล้านบาท) ถือว่าลดลง 688.15% เนื่องจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์มีผลขาดทุนสุทธิ 1,617.15 ล้านบาท ขาดทุนจากธุรกิจพลังงานชีวมวลและบริหารจัดการขยะ 596.85 ล้านบาท และธุรกิจผลิตและจำหน่ายพลังลมอีก 596.85 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมมีผลกำไรสุทธิจำนวน 1,756.92 ล้านบาท ไม่ใช่เพราะผลประกอบการ แต่มาจากการปรับโครงสร้างหนี้เป็นจำนวน 1,855.48 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอื่นๆ มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1,004.95 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
รวมความแล้ว ธุรกิจแห่งอนาคต “เจ๊งบ๊ง” หมดจดทุกอย่าง
การขาดทุนวินาศสันตะโร เกิดขึ้นบนฐานข้อเท็จจริงว่า IFEC มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 1,074.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 106.02% ประกอบด้วย เท่ากับว่า รายได้ที่เกิดขึ้น ไม่มีประสิทธิผลในการทำกำไรเอาเสียเลย ยิ่งรายได้เพิ่ม ยิ่งเจ๊ง…อย่างนี้ ใครๆ ก็ทำได้
ที่สำคัญกว่านั้น อยู่ที่ว่างบการเงินสิ้นงวดปี 2559 ที่แจ้งต่อตลาดนี้ ผู้สอบบัญชีไม่ยอม “แสดงความเห็น” หรือพูดง่ายๆ …ไม่รับรองงบ นั่นเอง
งานนี้ ตลาดฯ ก็เลยต้องขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อ
ใครที่คาดว่าหมอวิชัยจะหมดฤทธิ์…เลิกหวังได้เลย เมื่อเห็นพฤติกรรมที่แสดง
แสบจนหยดสุดท้ายจริงๆ นะ ศรีธนญ(วิ)ชัย
อิ อิ อิ