พาราสาวะถี
ขณะที่ฝ่ายรัฐยังมะงุมมะงาหราในการติดตามหาเบาะแสของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าล่องหนไปอยู่ ณ ที่แห่งใด พี่ชายที่แสนดี ทักษิณ ชินวัตร ก็เคลื่อนไหวผ่านทวิตเตอร์ @ThaksinLive ด้วยการทวีตข้อความ อ้างมงเตสกีเยอ นักปรัชญาและนักคิดทางการเมืองชาวฝรั่งเศสว่า "ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม"
อรชุน
ขณะที่ฝ่ายรัฐยังมะงุมมะงาหราในการติดตามหาเบาะแสของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าล่องหนไปอยู่ ณ ที่แห่งใด พี่ชายที่แสนดี ทักษิณ ชินวัตร ก็เคลื่อนไหวผ่านทวิตเตอร์ @ThaksinLive ด้วยการทวีตข้อความ อ้างมงเตสกีเยอ นักปรัชญาและนักคิดทางการเมืองชาวฝรั่งเศสว่า “ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”
แน่นอนว่า งานนี้เรียกแขกจากฝ่ายตรงข้ามได้ตามเป้า ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวว่า “ปล่อยเขาไป ทวิตเตอร์จะไปทำอะไรได้ เชื่อเขาก็ตามใจ คิดสิคิด” อาจไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดให้นักข่าวเห็น แต่หากมีใครถามบ่อยๆผสมโรงด้วยเรื่องของยิ่งลักษณ์ เชื่อขนมกินได้ว่า ท่านผู้นำจะระเบิดอารมณ์โมโหเข้าให้สักวัน
อย่างไรก็ตาม หลังการทวีตข้อความของทักษิณ ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ โพสต์ข้อความโดยอ้าง มงเตสกิเยอ ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวด้วยเช่นกันว่า เสรีภาพทางการเมืองมีอยู่ได้ก็ต่อเมื่อเราไม่ใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่ทว่าประสบการณ์อันเป็นนิรันดร์บอกเราว่า มนุษย์ใดที่มีอำนาจ ย่อมใช้อำนาจไปโดยมิชอบ และมันเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าเขาจะพบข้อจำกัดการใช้อำนาจ
ก็ดังที่ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า ขนาดคุณธรรมยังจำเป็นต้องมีข้อจำกัด เพื่อมิให้ใช้อำนาจไปโดยมิชอบ จึงต้องจัดวางสิ่งต่างๆ ให้มีอำนาจเข้าหยุดยั้งอำนาจ และอีกหนึ่งวลีของมงเตสกีเยอคือ ความผิดอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่กำหนดไว้อย่างกว้างขวางไร้ขอบเขต เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเผด็จการผู้กดขี่
นาทีนี้ต้องยอมรับกันว่า ผลพวงจากการเคลื่อนไหวของทักษิณนั้นน่าจะเรียกแขกได้อยู่อีกระยะ หรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นการโยนหินเพื่อหยั่งกระแส ต้องไม่ลืมว่าประสานักการตลาดชั้นเซียน คงไม่ใช่แค่เป็นการทวีตข้อความโดยไร้เป้าหมาย สิ่งที่น่าสนใจประการต่อมาก็คือ แล้วนายใหญ่จะเอ่ยถึงน้องสาวที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยและพูดถึงอนาคตของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ประเด็นเหล่านี้น่าคิดอยู่ไม่น้อย แต่หากประเมินในเชิงความได้เปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ภายในประเทศเวลานี้ การเงียบและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นปริศนา น่าจะสร้างแรงกดดันและความอึดอัดให้กับผู้มีอำนาจได้มากกว่า ต้องไม่ลืมว่าตราบใดที่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องการหนีและแหล่งกบดานของยิ่งลักษณ์ นั่นหมายความว่า เครื่องหมายคำถามจะเกิดขึ้นกับฝ่ายผู้กุมอำนาจอยู่ตลอดเวลา
เว้นเสียแต่ว่าจะหา”แพะ”มาสารภาพบาป รู้เรื่องราวการวางแผนหนีของยิ่งลักษณ์และรู้ว่าอดีตนายกฯหญิงหลบหนีไปด้วยวิธีการใด นั่นก็น่าจะพอช่วยให้คลี่คลายกระแสเคลือบแคลงไม่ไว้วางใจต่อฝ่ายกุมอำนาจลงได้บ้าง แต่ปัญหาก็คือ ยามนี้จะมีใครเป็นหน่วยกล้าตายหรือเสียสละเล่นบทเช่นนี้ หากไม่เนียนนอกจากคนๆ นั้นจะเสียหายแล้ว ยังอาจจะเป็นชนวนพาให้พังกันทั้งคณะได้
ส่วนรายนี้ไม่รู้ว่าต่อจิ๊กซอว์ข่าวหรือได้ข้อมูลอินไซด์จากที่ใดมาไม่ทราบ พุทธะอิสระ จึงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คว่า ยิ่งลักษณ์ตบตาคสช.มากว่า 3 ปี สมควรได้ตุ๊กตาทอง ก็ว่ากันไปในฐานะคนที่รวมหัวกันล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แต่ว่าในทางกลับกันคนที่สมควรได้รับตุ๊กตาทองน่าจะเป็นผู้พูดเสียมากกว่า ฐานะที่แสดงบทบาทของคนห่มเหลืองที่ไปทำสิ่งซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์ได้อย่างแนบเนียน และไร้เสียงตำหนิใดๆ
พูดถึงยุทธจักรดงขมิ้น การเด้ง พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ พ้นเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือพศ. คนที่เข้ามาเพื่อทำคดีธรรมกายโดยเฉพาะ เข้ากรุผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ก่อนหน้านั้นท่านผู้นำนั่งยันนอนยันไม่มีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย แม้จะถูกร้องเรียนมาจากองค์กรชาวพุทธและพระ ที่ไม่พอใจต่อการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการพศ.รายนี้ก็ตาม
นี่คือสัจธรรมแห่งอำนาจ เจ้าตัวถูกโยกข้ามห้วยจากดีเอสไอมารับงานที่พศ.ได้แค่ 6 เดือนก็มีอันต้องถูกเตะโด่งเสียแล้ว เรียกได้ว่ามาเร็วเคลมเร็วจริงๆ แต่หากมองอีกมุมเมื่อเส้นทางของการแสวงหามิตรเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นจากการหนีของยิ่งลักษณ์ ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้มีอำนาจที่ต้องลดปริมาณศัตรู และยิ่งเป็นคู่อาฆาตที่เป็นพระและองค์กรชาวพุทธเสียด้วยแล้ว หากเลิกขัดแย้งได้ ย่อมจะส่งผลดีเป็นอย่างยิ่ง
ประชุมและออกแถลงการณ์ทันทีทันใดสำหรับแกนนำระบอบสนธิ-จำลอง หลังจากที่ป.ป.ช.มีมติยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีสลายม็อบเสื้อเหลืองหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ต่อจำเลยเพียงรายเดียวคือ พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์เวลานั้น
ส่วนอีก 3 รายคือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถือเป็นฝ่ายบริหารไม่ได้มีความเกี่ยวข้องในการตัดสินใจใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อผู้ชุมนุม ไม่ต้องอาศัยมุมของแกนนำระบอบสนธิ-จำลองว่า มติของป.ป.ช.ดังกล่าวมีเลศนัย เหมือนต้องการช่วยเหลือน้องชายของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลนี้หรือไม่
เพราะความเคลื่อนไหวนับตั้งแต่ความพยายามในการที่จะถอนการฟ้องร้องคดีต่อศาลมันก็เป็นตัวบ่งบอกได้อย่างชัดเจน ส่วนที่มีการอธิบายกันไปต่างๆ นานานั้น ต้องไปถามว่าจะมีคนเชื่อกี่คน งานนี้บอกได้คำเดียวว่าสมชายและบิ๊กจิ๋วได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ ต้องดูต่อว่าที่ระบอบสนธิ-จำลองขู่จะฟ้องป.ป.ช.นั้นทำได้จริงหรือเปล่า
พรรคเพื่อไทยประกาศเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป ปุจฉาวันนี้คือใครจะมานั่งเป็นหัวหน้า เอากันนาทีนี้ราศีจับอยู่ที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แต่ถือว่ายังไม่นิ่งเพราะทันทีที่สมชายพ้นคดีก็มีข่าวว่าจะมานั่งบัญชาการแต่ก็ถูกสอดแทรกด้วยชื่อของ พลตำรวจเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ ทว่าหากพิจารณาจากการหายไปของยิ่งลักษณ์ การเดินเกมเพื่อเสนอทางเลือกให้กองเชียร์ที่กำลังเสียขวัญจึงอาจจะต้องพลิกแพลงกันอีกหลายตลบ ดังนั้น เมื่อยังไม่สุดปลายทางของการต่อสู้จึงยังไม่ควรนับศพทหาร