พาราสาวะถี

โถ!โถ!โถ!ใครกันหนอช่างเขียนสคริปต์ให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปจ้อผ่านรายการคืนวันศุกร์ ถ้าหาก พุทธะอิสระ อาจารย์คนที่ท่านผู้นำนับถือศรัทธาเป็นอย่างยิ่งบอกว่าจะให้ตุ๊กตาทองกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตีเนียนขึ้นศาลทุกนัดสุดท้ายกลับหนีแบบลอยนวล คิดว่าน่าจะทบทวนแล้วเปลี่ยนมาให้ลูกศิษย์ของตัวเองจะดีกว่า


อรชุน

โถ!โถ!โถ!ใครกันหนอช่างเขียนสคริปต์ให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปจ้อผ่านรายการคืนวันศุกร์ ถ้าหาก พุทธะอิสระ อาจารย์คนที่ท่านผู้นำนับถือศรัทธาเป็นอย่างยิ่งบอกว่าจะให้ตุ๊กตาทองกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตีเนียนขึ้นศาลทุกนัดสุดท้ายกลับหนีแบบลอยนวล คิดว่าน่าจะทบทวนแล้วเปลี่ยนมาให้ลูกศิษย์ของตัวเองจะดีกว่า

เพราะสิ่งที่บิ๊กตู่พูดในรายการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากต้องการให้ดอกไม้แห่งประชาธิปไตยเบ่งบาน งดงาม ในอนาคต ต้องปลูกฝังจิตสำนึกเหล่านี้ ด้วยการให้เหตุและผลอย่างลึกซึ้งแก่ลูกหลานไทย ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน แล้วเยาวชนของชาติทุกคน จะเป็นผู้ที่มีเหตุผล และพร้อมที่จะรับฟังความเห็นต่างหรือเหตุผลของผู้อื่น อันเป็นวิถีทางของประชาธิปไตยโดยเนื้อแท้

มันช่างเป็นเนื้อหาที่สวยงามและน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องถามกลับไปยังท่านผู้นำก่อนว่า แล้วเวลานี้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบอะไรกันแน่ ยิ่งเรื่องของการรับฟังความเห็นและเหตุผลของผู้อื่น ก็ต้องย้อนกลับไปที่หัวหน้าผู้บริหารประเทศและชาวคณะ เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดอย่างสร้างสรรค์และกว้างขวางเหมือนอย่างที่พูดไว้หรือเปล่า

ถึงได้บอกว่าหากไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพที่จะต้องได้ตุ๊กตาทองหรือออสการ์คงไม่ตีเนียน พูดได้หน้าตาเฉยแบบนี้ นี่ไงที่เป็นบทพิสูจน์ของทฤษฎีตรงข้าม ใครก็ตามที่ประกาศว่าจะไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหารมักจะเกิดการยึดอำนาจตามมาทุกครั้ง แน่นอนว่า ใครก็ตามที่พูดเรื่องประชาธิปไตย 99.99 เปอร์เซ็นต์ แต่การปฏิบัติตัวก็จะเป็นเรื่องตรงข้ามเช่นเดียวกัน

มาถึงนาทีนี้คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันให้มากแล้วกระมัง ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์อันชัดเจน ขณะที่เส้นทางเดินของประเทศไทยนับจากนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องลุ้นต้องเชียร์กันอีกแล้ว ทุกอย่างถูกขีดเส้นตามความต้องการของแป๊ะ ทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ สุดแท้แต่ว่าท่านทั้งหลายจะขีดเขียนให้อนาคตประเทศไทยเป็นอย่างไร

มีความจริงเพียงประการเดียวที่หลีกเลี่ยงกันไม่พ้น นั่นก็คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน หากเป็นไปตามการโฆษณาชวนเชื่อว่าเริ่มโงหัวขึ้น ส่งออกเป็นบวก จีดีพีเริ่มโตต่อเนื่อง ก็ภาวนาว่าขอให้ทั้งหมดตกไปถึงคนยากคนจน คนรากหญ้า แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ยังอดอยากปากแห้ง ตัวเลขการเติบโตทั้งหลายจะดีก็แค่ต่อใจผู้มีอำนาจเท่านั้น แต่ไม่เกิดมรรคผลใดๆกับคนที่เดือดร้อน

ฟัง เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านการเมือง พูดถึงเรื่องปรองดองกับเงื่อนไขพิเศษต่อการหายตัวไปของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชักจะทำให้รู้สึกว่าบ้านเมืองนี้คงไม่มีอะไรน่าห่วงอีกต่อไปแล้วกระมัง เนื่องจากสุ้มเสียงของนักวิชาการผู้ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางใจของคสช.รายนี้ดูเหมือนจะมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า  ความสำเร็จของการปรองดองนั้นมีแววมากขึ้นเรื่อยๆ

น้ำคำในความเชื่อมั่นของอเนกคือ เงื่อนไขพิเศษดังว่าจะที่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป โดยการปรองดองอย่างไรมันก็จบได้ เพราะมีอำนาจบางอย่างที่ทำให้จบ ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าตัวยังบอกอีกว่า อย่าไปคิดว่าหลังการเลือกตั้งจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ สำหรับนักการเมือง พรรคการเมืองทั่วไป จะตั้งรัฐบาลร่วมมือกันได้ถ้าจำเป็น และมีคนที่ทหารไว้วางใจเข้ามาร่วมด้วย

เอาแค่เงื่อนไขปกติที่ไม่ธรรมดา ว่าด้วยคนที่ทหารไว้วางใจ ก็ทำให้เห็นภาพของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้ากันแล้วว่าจะออกมาในรูปแบบใด นายกฯหนีไม่พ้นคนนอกร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนพรรคที่มาช่วยค้ำยันให้การสืบทอดอำนาจต่อไปเป็นไปในลักษณะผ่านกระบวนการเลือกของที่ประชุมรัฐสภานั้น แทบจะไม่ต้องคาดเดาว่านำโดยพรรคไหนและตามมาด้วยพรรคใดบ้าง

ขณะที่พรรคการเมืองใหญ่อย่างส.ว.ลากตั้ง 250 ตำแหน่งนั้น ดูจากการวางตัวคณะกรรมการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติแล้วก็พอจะเห็นโฉมกันลางๆ เช่นเดียวกับโผแต่งตั้งโยกย้ายนายพลของกองทัพที่เพิ่งผ่านพ้นไป เหล่านี้เป็นคำตอบของโจทย์ที่ว่าด้วยการเมืองหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าได้เป็นอย่างดี

ส่วนเงื่อนเวลาในการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปีหน้าหรือเปล่าตรงนี้ยังไม่มีใครกล้าฟันธง แต่ถ้ายึดโยงกับเงื่อนไขพิเศษอย่างที่เอนกว่าก็ไม่น่าจะมีเหตุผลหรือปัจจัยใดมาทำให้โรดแมปมีอันต้องขยับไปจากเดิม เพราะหากไม่ทำตามสัญญา จะทำให้เกิดข้อกังขาและความไม่เชื่อมั่น(ซึ่งมีอยู่น้อยนิดอยู่แล้ว)ของต่างชาติหนักข้อเข้าไปอีก

สวนทางกลับสคริปต์ที่ท่านผู้นำท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง สุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ประเทศไทย ชี้ชัด การใช้มาตรา 116 เป็นสิ่งที่น่ากังวล และมองว่ามีผลกระทบมากกว่าการปฏิรูป โดยคสช.ใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นความเห็นต่างและไม่ดำเนินการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมตามหลักสากล ทำให้ติดหล่มการเป็นเผด็จการและไม่ใช่การเตรียมความพร้อมเพื่อให้ประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย

ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าตัวยังตั้งข้อสังเกตอย่างน่าสนใจด้วยว่า ก่อนรัฐประหารโดยคสช. กฎหมายมาตรา 116 ไม่ถูกพูดถึงเลยและการนำกฎหมายดังกล่าวไปใช้มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่หลังจากเข้าสู่การรัฐประหาร มาตรา 116 ถูกนำมาใช้ตามอำเภอใจและพร่ำเพรื่อ โดยคสช.กลายเป็นต้นทางของการชี้มูลความผิดและนำเข้าสู่กระบวนการใช้กฎหมายและการพิจารณาคดี

โดยองคาพยพที่มีอยู่ในกระบวนการยุติธรรมไม่กล้าค้านคสช. จากสถิติของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ได้รวบรวมไว้นั้นมีคนจำนวน 66 คน ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 116 และส่วนใหญ่เป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์คสช.และผู้ที่เห็นต่าง ตัวอย่างล่าสุดก็กรณีของนักวิชาการที่ถูกดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งน่าแปลกใจที่มีแต่นักวิชาการและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศต่างออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดี นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ต่างพากันเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้ ยุกติ มุกดาวิจิตร จึงสะกิดเตือนชวนให้คิดว่า หากแวดวงวิชาการไทยอยากมีมาตรฐานโลกแต่ไม่ลุกมาปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง หากมหาวิทยาลัยไทยมองไม่เห็นว่าการที่นักวิชาการทั่วโลกเขามาแสดงออกช่วยปกป้องเสรีภาพของนักวิชาการไทยนั้น มันแสดงถึงความตกต่ำของแวดวงวิชาการมากแค่ไหน มหาวิทยาลัยไทยก็เลิกดัดจริตอยากมีมาตรฐานสากลได้แล้ว และเลิกส่งคนไปเรียนต่างประเทศเสียที เลิกส่งลูกหลานพวกคุณเองไปเรียนต่างประเทศเถอะ สั่งสอนกันเองตามวัดตามวากันไปนี่แหละ

Back to top button