นิรโทษอัลไพน์?
รัฐบาลตกเป็นข่าวจะออกกฎหมาย "นิรโทษอัลไพน์” หลังศาลตัดสินจำคุกยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดมหาดไทยไปหมาดๆ ทำให้นักต้านโกงด่ากราด จะอุ้มคนโกงช่วยคนผิดหรือไง
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
รัฐบาลตกเป็นข่าวจะออกกฎหมาย “นิรโทษอัลไพน์” หลังศาลตัดสินจำคุกยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดมหาดไทยไปหมาดๆ ทำให้นักต้านโกงด่ากราด จะอุ้มคนโกงช่วยคนผิดหรือไง
ย้อนดูความเป็นมากันหน่อยไหม ทำไมต้องหาทางออกอย่างนี้
นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดินกว่า 700 ไร่ให้วัดธรรมิการามวรวิหาร ตั้งแต่ปี 2514 โดยที่ดินยังใส่ชื่อผู้จัดการมรดก จนปี 2531 วัดจึงทำหนังสือถึงมหาดไทย ขออนุญาตได้มาซึ่งที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 84 เสนาะ เทียนทอง รมช.มหาดไทยขณะนั้นมีคำสั่งไม่อนุญาต วัดจึงเปลี่ยนผู้จัดการมรดกเป็นมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย โอนที่ดินเป็นของมูลนิธิ แล้วขายให้บริษัทอัลไพน์ฯ ซึ่งมีภรรยาและน้องชายเสนาะถือหุ้นใหญ่ ในราคา 142 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2533 บริษัทนำที่ดินไปจดจำนอง 220 ล้านบาทในวันเดียวกัน
อันที่จริง วัดก็รับว่าต้องการขายที่เอาเงินไปพัฒนาวัด ที่ทำหนังสือไปก็อยากให้เสนาะมีคำสั่งไม่อนุญาต เพื่อจะได้ขาย แต่ที่มันเป็นเรื่องใหญ่คือ บริษัทของเมียและน้องเสนาะดันซื้อไว้เอง ในราคาสุดคุ้ม
ทศวรรษต่อมา บริษัทสร้างหมู่บ้านและสนามกอล์ฟ ขายต่อให้ผู้อื่น หนึ่งคือหมู่บ้านราชธานี มีผู้ซื้อโดยสุจริตราว 600 คน อีกหนึ่งคือสนามกอล์ฟอัลไพน์ ขายให้ทักษิณ ชินวัตร 500 ล้านในปี 2541 โดยบางคนเชื่อว่า “ซื้อใจ” ดึงเสนาะเป็นขุนพลใหญ่ช่วยไทยรักไทยชนะเลือกตั้งปี 2544
ทันทีที่ไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง ข้อมูลอัลไพน์ก็โผล่สะพัด สื่อรุมถล่ม ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ กฤษฎีกาตีความว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ ถ้าไม่เพิกถอนก็ต้องออกกฎหมายโอนที่ดิน แต่แหม จะออกกฎหมายได้ไง ในเมื่อทักษิณซื้อไปแล้ว แม้โดยนิตินัยเป็นผู้ซื้อโดยสุจริต แต่ถ้ารัฐบาล รัฐสภา ออกกฎหมายโอนที่ดิน ก็จะถูกถล่มไปใหญ่
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินวินิจฉัยให้เพิกถอน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งขณะนั้นเป็นรองปลัดมหาดไทย จึงรับเผือกเผา วินิจฉัยว่าถ้าเพิกถอนจะทำให้ผู้ซื้อโดยสุจริตเดือดร้อน จน ป.ป.ช.ชี้มูลและศาลตัดสินจำคุก
ว่าตามเนื้อผ้า ปัญหาที่ดินอัลไพน์ต้องแยกสองส่วนคือ การดำเนินคดีอาญาคนทำผิด กับแก้ไขเยียวยาการซื้อขายที่บานปลายมา 27 ปี แต่ข้อแรกก็มีเรื่องตลกคือ “ป๋าเหนาะ” แม้ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล แต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ยกฟ้องอย่างเซอร์ไพรส์ คดีขาดอายุความ เพราะโจทก์คือ ป.ป.ช.ไม่นำตัวมาส่งศาลตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. 2553
พูดอีกอย่าง ต้นเรื่องคือป๋าเหนาะรอดไป แต่ปลายเรื่องคือยงยุทธติดคุก
ในประเด็นแก้ไขเยียวยา ปัญหาคือถ้าเพิกถอนโฉนดกลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ ใครจะรับผิดชอบผู้ซื้อบ้าน 600 ราย ซึ่งคงฟ้องกรมที่ดินอันดับแรก วัด มูลนิธิ เสนาะ คงถูกลากมาอลวน (แต่คงหมดอายุความ) จึงคิดวิธีรวบรัดที่สุดคือออกกฎหมาย “นิรโทษ” การโอนที่ดินให้มูลนิธิ ซึ่งจะรับรองการซื้อขายเปลี่ยนมือต่อมาทั้งหมด
การออกกฎหมาย “นิรโทษ” ไม่ทำให้ยงยุทธหลุดพ้นคดี เพียงแต่สังคมจะเห็นว่ารัฐบาลนี้ก็คิดเหมือนยงยุทธ คือไม่สามารถเพิกถอนกลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ เพราะมันบานปลายมาไกล
แล้วประเด็นไหนที่คนทำใจยากที่สุด ก็จะทำให้สนามกอล์ฟทักษิณหลุดไปด้วยไง มีคนตั้งมากที่อยากให้ความเป็นธรรมผู้ซื้อบ้าน 600 ราย แต่อยากให้ยึดสนามกอล์ฟคืนวัด