ฟ้าใหม่ IFEC (ยัง)ไม่สดใส…

5 กันยายน 2560 ประหนึ่งว่า เป็นวันประกาศชัยชนะครั้งใหญ่ของผู้ถือหุ้นจำนวนมากที่รวมตัวกันขับไล่ “เม้ง” วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ให้พ้นไปจากบ้านหลังหนึ่งชื่อ IFEC


ขี่พายุ ทะลุฟ้า : บูรพา สงวนวงศ์ (เขียนแทน)

5 กันยายน 2560 ประหนึ่งว่า เป็นวันประกาศชัยชนะครั้งใหญ่ของผู้ถือหุ้นจำนวนมากที่รวมตัวกันขับไล่ “เม้ง” วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ให้พ้นไปจากบ้านหลังหนึ่งชื่อ IFEC

ก.ล.ต.ออกโรงเชือด “เม้ง” ด้วยการกล่าวโทษต่อปอศ. ฐานกระทำโดยทุจริตโดยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น

แน่นอนครับ…นั่นเพียงพอต่อการตะเพิด “เม้ง” ให้พ้นจากอำนาจ หรือหมดสภาพจากการเป็นกรรมการ และผู้บริหารของบริษัทฯในทันที!

แต่คำถามอยู่ที่ว่า ข้อเท็จจริงประการนี้ถือเป็นชัยชนะที่แท้จริงของผู้ถือหุ้นรายย่อยแล้วหรือไม่?

หรือแม้นว่า ท้ายที่สุด “เม้ง” ถูกยึดทรัพย์! หรือเลวร้ายถึงขั้นติดคุกติดตะราง! คำถามยังคงอยู่ที่ว่า

…วิกฤตการณ์ IFEC ที่มีรายย่อยร่วมชะตากรรมอยู่กว่า 2 หมื่น 7 พันชีวิตจะจบสิ้นลงได้จริงหรือเปล่า?

เดาว่าคงหาคำตอบได้ยาก…และคงต้องเผื่อใจด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย และข้อพิพาทอื่นๆ อีกหลายประการที่กำลังจะตามมา!

แน่นอนว่าประเด็นที่สังคมชาวหุ้นกำลังจับจ้องอยู่ขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่า ใครจะขึ้นกุมบังเหียนเพื่อหยุดมหากาพย์ฉาว IFEC หลังจากนี้

และแน่นอนอีกว่า บุคคลที่รับฝากความหวังเพื่อให้เป็นคนคนนั้นมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ทวิช เตชะนาวากุล

ปัจจุบันคือผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ด้วยการควักกระเป๋า 1.2 พันล้านบาทซื้อหุ้น IFEC มาราว 10% ช่วงก่อนหน้านี้

ทว่าสำหรับท่านที่สันทัดกรณี คงพอตีความหมายของสัญญาณที่ถูกส่งออกมาในเวลานี้ได้ว่า

…โอกาสที่ “ทวิช” จะขึ้นมารับภารกิจใหญ่หลวงซึ่งปนด้วยสารพัดความเสี่ยงครั้งนี้อาจเหลืออยู่ไม่มากสักเท่าไหร่นัก

“ผมจะเข้าไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเข้าไปแล้วเป็นประโยชน์หรือไม่ คือ ไม่จำเป็น และไม่กล้าที่จะเสนอตัวเป็นวีรบุรุษ งานนี้เป็นงานใหญ่มากในการสรรหา มีกฎหมายที่แย้งกัน เป็นเรื่องปกติที่ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่เสนอสรรหาทีมงาน แต่ในการสรรหาทีมงานจะกลายเป็นโดนข้อหาในการครอบงำกิจการได้ ผมคิดว่าผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นๆ ควรช่วยกันบริหาร ไม่ปล่อยให้อำนาจการบริหารอยู่ที่ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะค่อนข้างอันตราย”

นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ “ทวิช” ได้กล่าวไว้นอกเหนือไปจากที่ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า “สถานการณ์ของ IFEC เวลานี้ต่างกับเมื่อเดือนก.พ. เพราะขณะนั้นบริษัทฯยังมีศักยภาพ แต่ตอนนี้ความสามารถในการชำระแม้กระทั่งดอกเบี้ยยังลำบาก ใครก็ตามที่จะเข้าไปบริหารตอนนี้จะเจอกับปัญหาจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการปิดงบโดยที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นว่าจะทำอย่างไร คงต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อความเป็นกลาง และมีการเซ็นรับรองงบได้”

ด้วยประสบการณ์ในการทำธุรกิจ และความสำเร็จที่มากมายจนแทบจะนับไม่ได้ของ “ทวิช” น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า งาน IFEC อาจมีความเสี่ยงมากเกินไป!

ส่วนจะเป็นเสี่ยงอะไร หรือเสี่ยงอย่างไรนั้น คงต้องขอรบกวนให้ท่านทั้งหลายลองจินตนาการกันเอาเองแล้วกันนะครับ

แค่วันนี้ “เม้ง” ได้จาก (ตำแหน่ง) ไปแล้ว แต่ได้ทิ้งมรดกอะไร และได้หยิบฉวยสิ่งใดติดตัวไปด้วย…ก็สุดจะหาคำตอบได้

ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นซึ่งก่อนหน้านี้เคยปรากฏเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อว่าได้ว่าเป็นทายาทอสูรของ “เม้ง”…ก็ยังอยู่

ขณะเดียวกัน การที่ก.ล.ต.ระบุไว้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรว่างานนี้อาจมีเช็คบิลอดีตผู้บริหารและกรรมการ…ก็ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นใคร

เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ ทวิช เตชะนาวากุล เป็นแน่แท้

วันนี้ที่ “เม้ง” ไม่อยู่แล้ว…อาจไม่ได้หมายถึงมหากาพย์ฉาว IFEC จะจบสิ้นลงได้โดยง่าย!

บูรพา สงวนวงศ์ (เขียนแทน)  

Back to top button