เปิดกลุ่มหุ้นเล็กพุ่งแรงเกิน 10% (สิงหาคม 2560)
ภาพรวมดัชนีตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) เดือนสิงหาคม 2560 ปรับตัวลง 0.66% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ 551.03 จุด (31 ก.ค. 60) มาอยู่ที่ 547.42 จุด (ส.ค. 60) สวนทางกับดัชนี SET ที่ปรับตัวขึ้น 2.54% และดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้น 3.02% เพราะนักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางเป็นหลักจากราคาก่อนหน้าลงต่ำ
เส้นทางนักลงทุน
ภาพรวมดัชนีตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) เดือนสิงหาคม 2560 ปรับตัวลง 0.66% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ 551.03 จุด (31 ก.ค. 60) มาอยู่ที่ 547.42 จุด (ส.ค. 60) สวนทางกับดัชนี SET ที่ปรับตัวขึ้น 2.54% และดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้น 3.02% เพราะนักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางเป็นหลักจากราคาก่อนหน้าลงต่ำ
แม้ว่าภาพรวมของดัชนีตลาด เอ็ม เอ ไอ อาจจะดูไม่ดีก็ตาม แต่ยังมีหุ้นรายตัวที่มีความสามารถวิ่งฉิวได้ไม่แพ้หุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” รวบรวมความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นให้กลุ่มตลาดเอ็ม เอ ไอ ประจำเดือนสิงหาคม 2560 ก็พบว่ามีหุ้น 19 ตัว ราคาหุ้นสามารถวิ่งฉิวขึ้นกว่า 10% ที่ยังช่วยดึงดูดเข้ามาไล่ล่าซื้อกันอย่างคึกคัก อาทิ SPVI, GCAP, NETBAY, PPS, PICO, DNA, ARIP, ABICO, AKP, BSM, TMILL, VTE, CHOW, BOL, KOOL, JUBILE, TMW, ECF และ EFORL ตามลำดับ
ตัวแรก บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 89.33% หรือขึ้นไป 0.67 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 31 ก.ค. 60 อยู่ที่ 0.75 บาท ขณะวันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 1.42 บาท เป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของผลกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ออกมาเติบโตก้าวกระโดด ประกอบกับการเข้าเก็งกำไรล่วงหน้าจากการคาดว่าบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัว Iphone8 ภายในเดือนกันยายน เนื่องด้วยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple
ตัวต่อมา บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 53.53% หรือขึ้นไป 1.97 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 31 ก.ค. 60 อยู่ที่ 3.68 บาท ขณะวันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 5.65 บาท ซึ่งอาจเป็นการเข้าเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิคเป็นขาขึ้น พร้อมกับได้มีบทวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อเพื่อลุ้นผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ซึ่งเป็นช่วงที่สินเชื่อจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกด้วย
ตัวต่อมา บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 25.56% หรือขึ้นไป 5.75 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 31 ก.ค. 60 อยู่ที่ 22.50 บาท ขณะวันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 28.25 บาท โดยมีแรงขับเคลื่อนจากผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2/60 และงวดหกเดือนเติบโตแข็งแกร่ง นอกจากนี้มีข่าวจากผู้บริหารคาดแนวโน้มครึ่งปีหลังยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เตรียมเปิดตัวบริการธุรกรรมทางออนไลน์ใหม่ในกลุ่ม e-Business Services
ตัวต่อมา บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 24.67% หรือขึ้นไป 0.37 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 31 ก.ค. 60 อยู่ที่ 1.50 บาท ขณะวันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 1.87 บาท ซึ่งรับอานิสงส์หลังบริษัทอวดงบไตรมาส 2/60 มีกำไรกระฉูด ประกอบกับมั่นใจแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตดี เดินหน้าเสนองานภาครัฐ-เอกชนเพิ่ม
ตัวต่อมา บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 22.52% หรือขึ้นไป 1.25 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 31 ก.ค. 60 อยู่ที่ 5.55 บาท ขณะวันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 6.80 บาท อนึ่งมีแรงซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบกับมีแรงผลักดันจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 มีกำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
หุ้นที่ปรากฏข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างในส่วนของราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หรือร้อนแรงประจำช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เห็นได้ชัดเจนว่า การเข้าเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก นักลงทุนมักอิงในส่วนของผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นหลัก เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง