พาราสาวะถี

คำเตือนจาก พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อเรื่องการสร้างความปรองดองหลังการหนีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่ายากขึ้นนั้น ผู้มีอำนาจและฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องสดับตรับฟัง ผู้อาวุโสที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสารพัด ย่อมมองออกว่า หนทางอันขรุขระของถนนสายปรองดอง ทำไมต้องติดหล่มหลังการหนีของอดีตนายกฯ หญิง


อรชุน

คำเตือนจาก พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อเรื่องการสร้างความปรองดองหลังการหนีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่ายากขึ้นนั้น ผู้มีอำนาจและฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องสดับตรับฟัง ผู้อาวุโสที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสารพัด ย่อมมองออกว่า หนทางอันขรุขระของถนนสายปรองดอง ทำไมต้องติดหล่มหลังการหนีของอดีตนายกฯ หญิง

บทวิจารณ์ว่าด้วยโครงการจำนำข้าวของปู่พิชัย ยิ่งน่ารับฟัง เราต้องยอมรับความจริงว่า โครงการจำนำข้าว ช่วยเกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น แต่วิธีการถูกหรือไม่อีกเรื่อง เพราะเป็นโครงการประชานิยมต้องใช้เงินมาก ยิ่งลักษณ์อาจผิดพลาดตรงนี้ เจตนาดีอยากให้เกษตรกรมีเงินมากขึ้น แต่การบริหารจัดการอาจหละหลวม จนเกิดคอร์รัปชั่นมาก

หากไม่ยึดอคติจนเกินไปใครก็ต้องยอมรับว่าจำนำข้าวมีประโยชน์ ส่วนที่มีการทุจริตนั้นเป็นอีกเรื่องที่ต้องไปไล่เบี้ยเอาว่า รายทางมีใครทำตัวเป็นเหลือบหากินกับโครงการที่สร้างรายได้ให้กับชาวนาเช่นนี้ ไม่ใช่มองแค่เป็นประชานิยมแล้วรับไม่ได้ มันต้องไม่ดี โดยลืมมองไปยังโลกแห่งความเป็นจริง และยังมีความพยายามที่จะล้มประชานิยมทั้งกระดาน นี่หรือเปล่าตามความหมายของปู่พิชัยที่เห็นว่าปรองดองจะยากขึ้น

ขณะที่เหตุผลอีกประการเรื่อง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีข้อเสียตรงที่หงุดหงิดเกินไป พูดจากระโชกโฮกฮาก การเป็นผู้นำคนและผู้นำประเทศต้องลดโทนลงมาบ้าง เพราะถ้าหัวหน้ารัฐบาลโผงผาง ตอบโต้ไปหมด การปรองดองจะทำยากเหลือเกิน ซึ่งแม้ปู่พิชัยจะออกตัวว่าไม่ได้สอน แต่ขอพูดความจริง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็มองไม่ได้ต่างกัน

แต่ถ้ามองไปยังท่าทีและจุดยืนของท่านผู้นำ คงยากที่เสียงเตือนทั้งหลายจะกระทบไปถึงโสตประสาท เพราะทุกครั้งหากนักข่าวไปถามก็จะถูกตอบโต้ด้วยคาถาบทเดิม เข้ามาเจตนาดี ไม่หวังที่จะสืบทอดอำนาจ อยู่ยาว แต่ต้องการทำให้ประเทศดีขึ้น ไม่มีความขัดแย้ง ตนมีความเสียสละ ถ้าไม่เข้ามาตอนนั้น ถามว่าวันนี้บ้านเมืองจะสงบสุขเหมือนที่เป็นอยู่หรือเปล่า

เมื่อผู้นำประเทศยึดอัตตาอันเป็นผลจากการใช้กฎหมายพิเศษและมาตรายาวิเศษ เสียเช่นนี้แล้ว การเปิดใจกว้าง รับฟังเหตุผลของคนที่หลากหลายตามที่ท่านเคยสอนเรื่องประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น ยิ่งมองไปถึงการกระแนะกระแหนของคุณแหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงที่บอกยิ่งลักษณ์ควรได้ตุ๊กตาทองแล้ว ถนนสายปรองดองยิ่งวังเวง

จากเดิมวลีดังกล่าวหลุดมาจากปากของ พุทธะอิสระ พระอาจารย์ของท่านผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในเวลานี้ พอแหล่งข่าวด้านความมั่นคงมีทีท่าเช่นเดียวกัน มันยิ่งทำให้เห็นภาพเบื้องหลังขององคาพยพที่รวมหัวกันล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เท่ากับว่า ทุกเส้นทางเดินที่แอบอ้างเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ท้ายที่สุดมันก็หนีไม่พ้นการมีวาระซ่อนเร้นเพื่อกำจัดคนแค่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเท่านั้น หาใช่การปฏิรูปเพื่อส่วนรวมไม่

นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องการสืบทอดอำนาจ ตามกระบวนการที่ใช้แม่น้ำ 5 สายขับเคลื่อนกันมา การเลือกตั้งที่ถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ก็อย่างที่ปู่พิชัยว่าต้องวิเคราะห์ด้วยความสมเหตุสมผล รัฐบาลพูดกันตอนยึดอำนาจใหม่ๆปี 2557 ว่าจะเลือกตั้งปลายปี 2560 จากนั้นก็เลื่อนมาปี 2561 แต่วันนี้ตนเชื่อว่า จะไม่มีเลือกตั้งตามโรดแมปแน่นอน เพราะกฎหมายลูกคลอดยากเหลือเกิน ทั้งที่มีโรดแมปกางไว้ชัดเจนแล้ว

ความจริงแล้วอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คงจะลืมไปว่า หลังการยึดอำนาจนั้นท่านผู้นำไม่ได้บอกว่าจะเลือกตั้งปลายปี 60 เป็นลำดับแรก แต่มีการพูดถึงเดือนตุลาคม 2558 ซึ่งมองแล้วคงเป็นไปไม่ได้ ณ เวลานั้น แต่ท่านก็ร้องเพลงสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมากว่า 3 ปีแล้ว และทำท่าว่าจะอยู่ยาวอีกต่างหาก

ดังนั้น ข้อเสนอต่อมาก็เหมือนอย่างที่ปู่พิชัยว่า ความหวังของบ้านเมืองยังมีทางเลือกอีกทางที่ยากหน่อย คือ การมีรัฐบาลต่อไปที่สวยงาม โดยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคอย่างภูมิใจไทย รวมกับทหารตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่แน่ใจว่าทหารหรือพรรคการเมืองจะเอาไหม คงไม่ต้องไปถามหาคำตอบที่ไหน แค่ต่อจิ๊กซอว์จากสิ่งที่ฝ่ายครองอำนาจได้ดำเนินการมาทั้งหมด จะไปจับมือคนอื่นให้โง่ทำไม

ขนาดวางให้ส.ว.ลากตั้ง 250 เสียง มีอำนาจในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี เดินเกมกันขนาดนี้ พรรคการเมืองไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็แค่ส่วนประกอบเท่านั้น อยู่ที่ว่าจะมีพรรคการเมืองไหนรวมเสียงกันแล้วเป็นฐานค้ำยันให้ท่านผู้นำคนนอก(ซึ่งก็รู้กันเต็มอกว่าเป็นใคร)อยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคงเท่านั้นเอง แต่มาสูตรนี้มีแผนจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแล้ว คงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

แม้จะรู้ทั้งรู้อย่างที่ปู่พิชัยเตือน หากจะตั้งรัฐบาลให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือว่าทหารตั้งรัฐบาลฝ่ายเดียวหลังการเลือกตั้ง ไม่มีทางปรองดองหรือทำให้เศรษฐกิจไปรอด แต่เชื่อว่าด้วยพลังแห่งเนติบริกรที่หาช่องทางกฎหมายเป็นทางลงให้ผู้มีอำนาจตลอดเวลา ประกอบกับทีมเศรษฐกิจที่ใช้งานอยู่ปัจจุบัน ท่านผู้นำคงเลือกที่จะเสี่ยงแบบนี้ต่อไป เผื่อจับพลัดจับผลูเศรษฐกิจดีขึ้นมาผิดหูผิดตา จะได้อยู่กันไปยาวๆ

ส่วนที่ใครเป็นห่วงว่าอย่าลืมหลังเลือกตั้งรัฐบาลที่ขึ้นมาจะไม่มีมาตรา 44 เป็นยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค อย่างที่บอกว่ามีเนติบริกรชั้นเซียนอยู่รอบกาย อย่าไปคิดว่าเขาจะไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องมือในการช่วยสร้างความชอบธรรมหรือกดทับความเคลื่อนไหวของฝ่ายเห็นต่าง ขนาดวางแผนขีดเส้นให้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้ากันถึง 20 ปีได้ เรื่องอื่นๆแค่ขี้ปะติ๋ว

ก่อนไปถึงตรงนั้น ความเห็นของ คณิน บุญสุวรรณ เรื่องของกฎหมายลูกที่ประธานสนช.อาจใช้ช่องโหว่ในมาตรา 267 วรรค 5 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุ หากสนช.มีมติไม่เห็นด้วยกับร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมดของสนช. ร่างกฎหมายฉบับนั้นมีอันเป็นอันตกไป ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดสุญญากาศและเกิดทางตันในการเลือกตั้ง และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นและสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แม้จะดูมีโอกาสน้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น

Back to top button