ออกอาการอืด!
*การลงทุนในตลาดหุ้นมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดหลายเรื่องด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ดัชนีเริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหว เพราะนักเล่นบางส่วนเริ่มหันมาขายหุ้นทำกำไรออกมาเป็นระยะ พร้อมกับโยกเงินไปลงทุนยังหุ้นที่มีขนาดเล็กลง วานนี้ถึงเห็นดัชนียืนปิดได้แค่ระดับ 1,637.54 จุด บวกไป 1.93 จุด ด้วยมูลค่า 5.39 หมื่นล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไม่มีประเด็นใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นอารมณ์ไงล่ะจ๊ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*การลงทุนในตลาดหุ้นมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดหลายเรื่องด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ดัชนีเริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหว เพราะนักเล่นบางส่วนเริ่มหันมาขายหุ้นทำกำไรออกมาเป็นระยะ พร้อมกับโยกเงินไปลงทุนยังหุ้นที่มีขนาดเล็กลง วานนี้ถึงเห็นดัชนียืนปิดได้แค่ระดับ 1,637.54 จุด บวกไป 1.93 จุด ด้วยมูลค่า 5.39 หมื่นล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไม่มีประเด็นใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นอารมณ์ไงล่ะจ๊ะ
*เมื่อนำเรื่องดังกล่าวมาผนวกเข้ากับการเทขายของกองทุนตัวแสบ 887 ล้านบาท หลังจากนั้นฝรั่งขี้นกสาดหุ้นออกมา 377 ล้านบาท ก่อนจะปิดท้ายด้วยปอบผีฟ้าทิ้งหุ้นออกมา 377 ล้านบาท เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้ว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะยากลำบากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผู้เล่นก๊วนดังกล่าวตุนหุ้นราคาต่ำไว้ในพอร์ตเป็นจำนวนมาก จึง รินหุ้นออกมาได้ตลอดเวลานะจ๊ะ
*วันนี้ถึงเห็นการเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาแบบประปราย ซึ่งเป็นภาพที่น่าหนักใจสำหรับคนที่เริ่มเก็บหุ้นไว้ในพอร์ต “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับต้องเผื่อใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันไว้บ้าง แถมบนโลกใบนี้มีอะไรหลายอย่างเหนือความคาดหมายเสมอ เดี๊ยนถึงไม่อยากให้นักเล่นยึดติดกับอะไรมากเกินไป เพราะท้ายสุดอาจไม่มีอะไรเป็นเหมือนกับที่คาดคิดสักอย่างเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวดูได้จากวิธีแต่งตั้งกรรมการหุ้นจอมฉาว IFEC ครบทั้งหมด 9 คนแบบดื้อๆ มันส่อให้เห็นว่า อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับบริษัทเจ้าปัญหา เพราะเมื่อดูตามขั้นตอนที่ควรทำตั้งแต่แรกคือ เรียกประชุมวิสามัญเพื่อให้ผู้ถือหุ้นเสนอชื่อกรรมการที่ขาดอยู่ 8 ราย (ก่อน ก.ล.ต. จะมีคำสั่งให้การเลือกตั้งกรรมการเป็นโมฆะ ตอนนั้นบริษัทมี หมอเพี้ยน กับ กรรมการอีกหนึ่งราย คอยทำหน้าที่เรียกประชุม แต่ทันทีที่หมอเพี้ยนโดนเตะโด่ง จึงเหลือกรรมการทำหน้าที่เพียงแค่รายเดียว) นะจะบอกให้
*ตรงนี้เป็นเรื่องราวที่น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหมือนมีบางคนกำลังลองดีกับสำนักงาน ก.ล.ต. อีกครั้ง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า จุดจบของตัวเองไม่สวยแน่ๆ แต่ยังกล้าที่จะฝืนทำกันต่อไป “โมนิก้า” ถึงสงสัยเหลือเกินว่า เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มผู้บริหารบริษัทนี้? เพราะการกระทำดังกล่าวมีแต่จะทำให้สถานการณ์ของบริษัทย่ำแย่ลงไปอีก และผู้ถือหุ้นรายย่อยก็คงเซ็งเป็ดกันเป็นแถวพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับอาการหมดแรงข้าวต้มของหุ้น WHA มันเป็นการสะท้อนอะไรหลายอย่างให้เห็น และยังทำให้รู้ว่า เมื่อหุ้นวิ่งทะลุเพดานเดิมขึ้นไป ย่อมตีความได้ทั้ง “โอกาส” กับ “ความเสี่ยง” ซึ่งขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นเป็นอย่างไร? แต่ในมุมมองของเดี๊ยนกลับมองว่า ขายก่อนได้เปรียบ จึงรู้สึกกังวลแทนแมงเม่าที่ยังกอดหุ้น หลังหุ้นปิดเสมอตัวที่ 3.34 บาท บวกกับสัญญาณค้อนหัวกลับขึ้นสองวันติดๆ แบบนี้..ไม่ค่อยเวิร์กนะคะ
*เหมือนกับในรายของ WORK โดนเทขาย 2 วันติดๆ จนส่อจะโดนเทขายอีกเป็นวันที่ 3 พร้อมกับโผล่รูปอีกา 3 ตัว “โมนิก้า” มองเป็นเกมวัดดวงที่นักเล่นต้องเผื่อทางหนีทีไล่ไว้ด้วย เพราะตามสัญญาณเทคนิคบอกไว้ว่า จุดเด้งแรกอยู่ที่บริเวณ 80 บาท หากเอาไม่อยู่ต้องไปลุ้นจุดเด้งสองบริเวณ 74 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับวิเคราะห์การอ่อนตัวลงมาปิดที่ 83.25 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท ใช่จังหวะช้อนของไหม?
*ไหนๆ เม้าท์ถึงเรื่องที่ต้องใช้ความคิดขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับหันไปดู ORI เด้งขึ้นมาปิดที่บริเวณ 16.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่า 230 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น บวกกับเที่ยวนี้หุ้นขึ้นมาเทรดบน P/E 27 เท่า มันน่าจะอธิบายเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าให้เดี๊ยนเม้าท์ เพราะตัวเลขในหลายส่วนก็บอกให้ลุย หลังหุ้นมาด้วยสตอรี่ growth นะซี
*ส่วนในรายของ MONO ทะยานขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 4.10 บาทได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ย่อมเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับตัวอีฉัน เพราะในระหว่างทางทำได้ดีสุดแค่ขึ้นมาแตะบริเวณ 3.90 บาทประมาณ 4-5 ครั้ง จูๆ วานนี้หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 4 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 6.95% ด้วยมูลค่า 501 ล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า หากผ่านไปไม่ได้ ก็ม้วนหางกลับลงมาตั้งต้นแถว 3.50 บาทเท่านั้นเองจ้า
*สุดลิ่มทิ่มประตูของแท้ “โมนิก้า” ต้องโฟกัสไปที่ CSL กระชากขึ้นมาปิดที่ 7.50 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 11.90% ด้วยมูลค่า 202 ล้านบาท แถมเป็นการไล่ราคา 5 วันติดๆ เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่ผิดปกติเกินไปหน่อย เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหุ้นวิ่งระเบิดระเบ้อแบบนี้ จึงขอสันนิษฐานว่า การขึ้นเที่ยวนี้เกี่ยวข้องกับงบครึ่งปีหลังมากกว่าประเด็นอื่น จึงต้องดูกันต่อไปว่า รอบนนี้จะดันขึ้นไปถึง 10 บาทเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหรือเปล่า?
*ถ้ามองประเด็นดังกล่าวไม่ออก “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับย้อนกลับมาดู MPG ไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจแล้วกัน เพราะถ้าย้อนกลับไป 7-8 เดือนก่อนหน้านี้จะเห็นว่า มีการดันหุ้นจากระดับ 0.60 บาท ขึ้นไปถึงระดับ 1.05 บาท ต่อจากนั้นสาดหุ้นจนกลับมายืนอยู่ที่เดิม ขณะที่วานนี้ดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 20.50% ด้วยมูลค่า 158 ล้านบาท มันจะซ้ำรอยเดิมหรือเปล่า? ต้องตามดูกันเอาเองนะคะ