กองทุนเก็บของโมนิก้าและทีมงาน

*ในช่วงหลังๆ “โมนิก้า” เฝ้าเห็นอาการของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ “เดี๋ยวดี เดี๋ยวเศร้า” ผันแปรเปลี่ยนไปบ่อยมาก และมักได้ยินคำแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมาถึงแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาเป็นประจำ ซึ่งเป็นยุทธวิธีการพูดเพื่อทำให้ผู้เล่นประเมินความสามารถของตัวเองในช่วงภาวะผันผวน ซึ่งเดี๊ยนเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นที่มองเรื่องทุกอย่างเป็นโอกาสในการเพิ่มรอบทำกำไรพะยะค่ะ


*ในช่วงหลังๆ “โมนิก้า” เฝ้าเห็นอาการของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ “เดี๋ยวดี เดี๋ยวเศร้า” ผันแปรเปลี่ยนไปบ่อยมาก และมักได้ยินคำแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมาถึงแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาเป็นประจำ ซึ่งเป็นยุทธวิธีการพูดเพื่อทำให้ผู้เล่นประเมินความสามารถของตัวเองในช่วงภาวะผันผวน ซึ่งเดี๊ยนเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นที่มองเรื่องทุกอย่างเป็นโอกาสในการเพิ่มรอบทำกำไรพะยะค่ะ

*พร้อมกันนี้อย่าลืมว่า ทุกอย่างยังเป็นเรื่องมันนี่เกม คำแนะนำจากผู้รู้เป็นข้อมูลประกอบการลงทุน ปัจจัยภายนอกเป็นตัวเร่งเร้าให้ทำ ขณะที่ตัวผู้เล่นต้องเป็นคนตัดสินใจ “ซื้อ” หรือ “ขาย” ซึ่งเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่เช่นนั้นคงได้ยินเสียงบ่นพึมพำเหมือนหมีกินผึ้ง เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า มองไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ถึงออกมาต่างกันไงล่ะค่ะ

*ล่าสุดดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,510.51 จุด บวกไป 12.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.80 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเพียงแค่การรีบาวด์ธรรมดาๆ บวกกับข้อมูลข่าวสารด้านบวกยังไม่ปรากฏให้เห็น เดี๊ยนถึงไม่ค่อยมั่นใจว่าทุกอย่างกลับคืนสภาพที่ควรจะเป็น คิดดูแล้วกัน! ก่อนหน้านี้ยังพูดกันเจื้อยแจ้วว่า หุ้นแบงก์มีปัญหา เข้าไปยุ่งมีแต่เจ็บตัว สุดท้ายก็กลับมาไล่หุ้นแบงก์อีกแบบนี้..มันเป็นการเล่นรอบชัดๆ นะคะ

*นาทีนี้ไม่ต้องถามหาคนที่ทำให้ดัชนีผันผวนอย่างหนัก เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทุกคนมีส่วนทำให้เป็นอย่างนั้น ล่าสุดกลายเป็นกองทุนเข้ามาลุยเก็บหุ้นไป 2.30 พันล้านบาท ปอบผีฟ้าทิ้งออกมา 770 ล้านบาท ฝรั่งตาน้ำข้าวสาดออกมา 440 ล้านบาท ขณะที่แมงเม่าก็ปล่อยของออกมา 1.13 พันล้านบาท และการเข้ามาเก็บหุ้นเที่ยวนี้ก็บอกให้ทุกคนรู้ว่า เกมผลัดกันตีหัวเข้าบ้านยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ

*โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์อย่าง SCB  KBANK  KTB  ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดที่นักเล่นรู้กันอยู่แล้วว่า กองทุนเก็บหุ้นไว้เยอะ และทุกครั้งที่มีการ “เพิ่มพอร์ต ลดพอร์ต” หุ้นกลุ่มนี้โดนก่อนเสมอ ที่ตลกร้ายสุดๆ คือ ก่อนหน้านี้วันเดียวพรายกระซิบแอบได้ยินผู้จัดการกองทุนเม้าท์ว่า ขายแบงก์เพื่อไปซื้อพลังงาน จู่ๆ หวนกลับมาไล่หุ้นแบงก์อย่างโฉ่งฉ่าง “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับดักเล่นสั้นๆ ไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TRUE ของมันเห็นอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ในช่วงที่หุ้นกำลังไต่ระดับเพดานบิน กองทุนกระโจนเข้าใส่หุ้นตัวนี้อย่างอุตลุด พอหุ้นเด้งขึ้นไปถึงราคาเป้าหมายแถว 13.50 บาท ก็โดนสาดลงมาอย่างหนักหน่วง จนลงมากองอยู่ที่ 11 บาท ล่าสุดมีการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 11.30 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.70% เดี๊ยนเข้าใจว่า คงเล่นเหมือนรอบที่แล้วเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ทีไร “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นสุดรักอย่าง MTLS เป็นประจำทุกครั้ง เหตุผลไม่มีอะไรมาก แค่เห็นแผนการเติบโตปีละ 30% ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน บวกกับเห็นไซเคิลของหุ้นเคลื่อนตัวเป็น W-Shape จึงเป็นจังหวะที่ต้องไหลตามน้ำ แถมจุดเด้งกลับ 3 ครั้งที่ผ่านมาอยู่ตรงบริเวณ 18 บาท ย่อมมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปที่ 20 บาทอีกครั้ง ล่าสุดหุ้นลงไปถึง 17.20 บาท แต่สุดท้ายถีบตัวขึ้นมาปิดที่ 17.90 บาท ลบไปแค่ 0.10 บาท วอลุ่มแน่นขนัด มีนัยหรือไม่? ลองไปคิดกันเอาเองนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ IFEC หากมองโครงสร้างธุรกิจแบบยาวๆ จะเห็นว่า นี่เป็นหุ้นที่น่าลงทุนมากสุดตัวหนึ่ง บวกกับมีแฟนคลับคอยตามเชียร์แบบเกาะติดขอบเวที “โมนิก้า” ถึงชอบมองหุ้นในช่วงที่โดนทิ้งลงมาแรงๆ รอบที่แล้วจุดเด้งกลับอยู่แถว 10.50 บาท รอบล่าสุดโดนทิ้งลงมาถึง 10.70 บาท แต่ตอนบ่ายแก่ๆ มีการไล่หุ้นกลับขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายปิดที่ 11.40 บาท ลบไป 0.10 บาท มันน่าตามไปดูไหมคะ

*ที่น่าตามไปดูอีกหนึ่งตัวก็คือ RS ถ้าดูตามเนื้อผ้าจะเห็นว่า ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจเหมือนเดิม ยิ่งผ่านกระบวนการย่ำฐานมาพักใหญ่ๆ พร้อมกับกระชากขึ้นไปแรงๆ แล้วตกลงมาแรงๆ “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นเล่นรอบที่ต้องหาจังหวะเข้าทำให้ดีๆ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 14.40 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 6% มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยจริงๆ เพราะบริเวณนี้เป็นฐานใหญ่ที่เคยดันหุ้นวิ่งขึ้นไป 21 บาทไงล่ะค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องดันหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้น SLP สักเล็กน้อย ว่ากันว่า ธุรกิจไปได้ค่อนข้างดี ความสามารถในการทำกำไรยังคงยอดเยี่ยม เดี๊ยนไม่เข้าใจว่า หุ้นโดนถล่มหนักได้อย่างไร ล่าสุดหุ้นลงมากองอยู่ที่ 2.04 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 5.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น แสดงว่า ยังมีคนบางส่วนทยอยรับของที่ถูกโยนลงมา..งานนี้มองยาวคุ้ม มองสั้นไม่คุ้มเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TVT ในเมื่อวันนี้ผู้คนทั่วไปยังไม่เข้าใจกิมมิคของการเติบโตแบบก้าวกระโดด และยังมองไม่เห็นตัวเร่งที่ทำให้หุ้นกระชากขึ้นไปอย่างบูรณาการ “โมนิก้า” ถึงต้องปล่อยไปเลยตามเลย แต่อยากจะบอกไว้ว่า ราคาปิดที่ 2.10 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาท เป็นราคาที่ลงทุนระยะยาวได้สบายๆ งานนี้อยู่ที่ตัวผู้เล่นมองว่า หุ้นตัวนี้ใช่คำตอบหรือเปล่า? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

Back to top button