PTTEP กระตุกหนวดเสือ
ในที่สุด..ของหลายๆ ที่สุด หลังจากเนิ่นช้ามากว่า 2 ปี การเปิดประมูลและขุดเจาะก๊าซและน้ำมันในอ่าวไทยของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียมฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ในที่สุด..ของหลายๆ ที่สุด หลังจากเนิ่นช้ามากว่า 2 ปี การเปิดประมูลและขุดเจาะก๊าซและน้ำมันในอ่าวไทยของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียมฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้
โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณที่สัมปทานจะหมดอายุในปี 2565 ก่อนใครเพื่อน ตามมาด้วยแหล่งบงกช ไล่เลี่ยกัน
งานนี้ เค้กที่จะแบ่งมันใหญ่มากพอที่จะทำให้เกิด “ช้างประสานงา” กันได้ไม่ยาก โดยมีคู่แข่งรายสำคัญคือ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของสัมปทานแหล่งเอราวัณอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น กับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือPTTEP ในเครือ ปตท. ที่เป็นเจ้าจองสัมปทานแหล่งบงกชอยู่
เมื่อทั้งสองแหล่งสัมปทานจะหมดอายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นการช่วงชิงเค้กในแปลงสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 ก็เปิดกว้างมากขึ้น
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า ระบบที่จะใช้ประมูลแหล่งพลังงานในทะเลทั้งสองแหล่งนี้ จะยังไม่ชั่วว่าจะเป็นระบบไหนระหว่าง 3 ระบบที่ใช้กันในโลกนี้ คือ 1) สัมปทาน 2) แบ่งปันผลผลิต 3) จ้างผลิต และจะมีการแบจัดสรรแปลงต่างๆ กันอย่างไรแค่ไหนเพราะ…ยังเป็น “ความลับทางราชการ”
สำหรับนักบริหารค่าย ปตท. เรื่องพรรค์อย่างนี้ ไม่ต้องรอความชัดเจน..เพราอนาคตสร้างได้ด้วยมือเรา
รู้เพียงแค่คร่าวๆ ว่า ในแปลงที่จะประมูลในอนาคตนั้น จะมีการใช้เงื่อนไขทั้ง 3 รูปแบบ โดยจะระบุไว้ในแปลงสัมปทานที่จะเปิดประมูลเลย…เพราะสำหรับคนในวงการนั้น เอาเข้าจริงผลลัพธ์แทบจะไม่ได้แตกต่างกันเลย…ไม่รู้เถียงกันหาสวรรค์วิมานอะไร
การขยับตัวที่น่าสนใจมาจาก PTTEP สิ..น่าสนใจมากกว่าหลายเท่า
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP หงายไพ่ออกมาล่าสุดชนิดไม่มีแทงกั๊กตามประสา ว่า ขณะนี้บริษัทได้อยู่ในระหว่างการเจรจาร่วมกับทางบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เพื่อหาโอกาสในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมใน แหล่งเอราวัณ
จากเดิมในอดีตนั้น PTTEP ถือหุ้นแบบ “กินน้ำใต้ศอก” ในสัดส่วนเพียง 3-5% แต่ในการประมูลรอบใหม่นี้ ทาง PTTEP ต้องการเพิ่มสัดส่วนผลประโยชน์จากเค้กก้อนใหม่ที่มากกว่าเดิม
ข้อเสนอของ PTTEP คือ หากเชฟรอนยินยอมเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มในสัดส่วนที่น่าพึงพอใจ ก็คงจะสามารถ “หยวน” กันได้ และสามารถตกลงร่วมมือกันเข้าประมูลร่วม แบบ…“กินแบ่ง”
ในกรณีตรงกันข้าม หากไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้ ทางด้าน PTTEP ก็พร้อม และเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเข้าประมูลแหล่งเอราวัณเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีพันธมิตรร่วม เพียงแต่ในระหว่างนี้ รายละเอียดทั้งหลายจะยังคงต้องรอข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง ในโครงการประมูลสัมปทานแหล่งเอราวัณที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 2565
นายสมพร ผู้ช่ำชองกับการสำรวจและขุดเจาะในเมืองไทยในฐานะเจ้าถิ่น ยืนยันว่า ทางบริษัทไม่มีความกังวลในกรณีที่จะมีกลุ่มบริษัทจากประเทศจีนที่อาจจะเข้าร่วมประมูลแหล่งเอราวัณด้วยเช่นกัน
การเปิดเกมรุกทางกลยุทธ์ของ PTTEP อย่างนี้ ถือเป็น “โยนก้อนหินถามทาง” ธรรมดา เรียกน้ำย่อยเพื่อดูเชิงก่อนว่า หลังจากยืนข้อแสนอครั้งแรกไปแล้ว จะเกิดปฏิกิริยากลับมาอย่างไร เพื่อเตรียมรับมือสร้างแผนสองในระยะต่อไป
งานนี้ถือว่า PTTEP ทำการกระตุกหนวดเสือโดยตรง เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเชฟรอนนั้นใหญ่โตแค่ไนในวอชิงตันดีซี
คงต้องดูกันต่อไปว่างานนี้ PTTEP จะถูกเสือกัดตอบหรือไม่!