หุ้นมือถือ(ร่วง)

ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

คืนก่อนหน้านี้ แอปเปิ้ล (Apple) เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ออกมาแล้ว

นั่นคือ iiPhone 8 / iPhone 8 Plus

และ iPhone x ที่เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 10 ปี

ทันทีที่ iPhone เปิดตัวรุ่นใหม่ออกมา ราคาหุ้นของแอปเปิ้ล ก็ร่วงลงทันที และมาปิดตลาด -0.9%

ส่วนเมื่อคืนนี้ยังไม่ทราบว่าราคาหุ้นแอปเปิ้ล ฟื้นตัวได้หรือไม่

นักวิเคราะห์ต่างส่ายหน้ากับสเปกของ iPhone รุ่นใหม่ จึงประเมินออกมาในเบื้องต้นว่า ยอดขายอาจไม่ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะหน้าตายังเดิมๆ

มีเพียงอัพสเปก และกล้องขึ้นมาเท่านั้น

ส่วน iPhone x ที่คาดว่าอาจทำยอดขายได้ดี ก็ยังอาจติดกับเรื่องของ “ราคา”

อย่างในประเทศไทย คาดกันว่า ราคาต่อเครื่องน่าจะอยู่ราวๆ 4.4–4.5 หมื่นบาท

ราคาโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขนาดนี้ เหมือนเราย้อนกลับไปในยุคแรกๆ ที่มีมือถือใช้กันเลย

ราคามากกว่าครึ่งแสน ไปจนถึงเกือบ 1 แสนบาท

ทว่า นักวิเคราะห์จาก KGI Securities มองว่า iPhone X จะประสบกับภาวะของขาดตลาดแน่นอนในช่วงแรก

เหตุผลก็คือ เวลานี้มีศักยภาพการผลิตจะต่ำกว่า 10,000 เครื่องต่อวันเท่านั้น

รวมถึงสีใหม่อย่างในรุ่นสีทอง (Blush Gold) ที่แม้ว่าจะเปิดตัวตามหลังสีอื่นๆ แต่จะมีสต๊อกของน้อยกว่าอยู่ดี

ในช่วง 1 เดือนก่อนหน้า บรรดานักช้อปมือถือ และกำลังตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องใหม่ ต่างเฝ้ารอกับการเปิดตัวของ iPhone 8 ว่าจะออกมาอย่างไร

เมื่อเปิดตัวมาแล้วทำให้เกิดการตัดสินใจได้ว่า จะซื้อ หรือไปซื้อยี่ห้ออื่นดี

ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง

หากย้อนกลับไปดูราคาหุ้นที่เกี่ยวกับมือถือ เช่น SPVI JMART และ COM7 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนกันยายนของปี 2559 เส้นกราฟไม่สวยนัก

ก่อนจะค่อยๆ ดีดตัวขึ้นหลังจากผ่านเดือนกันยายน และไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2559

ส่วนวานนี้ราคาหุ้น ทั้ง COM7 และ SPVI ปิดตลาดในแดนลบ

นักลงทุนบางส่วนมีการขายทำกำไรออกมา

และบางส่วนก็ยังไม่แน่ใจว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ที่ออกมา ผลตอบรับจะดีหรือไม่ ซึ่งก็คงต้องหาข้อมูลกันอีกสักพัก

มีเพียงเจมาร์ท (JMART) ที่ปิดยืนในแดนบวกได้

แต่ในช่วงไตรมาส 3 ก็ถือเป็นช่วงที่ยอดขายมือถือเติบโตดี

แม้กลุ่มลูกค้าที่รอไอโฟน จะตัดสินใจไม่ซื้อรุ่นใหม่

แต่ในค่ายมือถือซัมซุง ก็เปิดตัว Note 8 ออกมา และกำลังถูกกล่าวถึงกันอย่างมาก และน่าจะเกิดการ “ตัดสินใจ” ในขั้นสุดท้ายได้แล้วว่า จะเลือกซื้อของค่ายไหนดี

หุ้นมือถือที่มีสภาพคล่องสูงหน่อยก็คือ COM7

ส่วน SPVI วอลุ่มค่อนข้างน้อยกว่า และสตอรี่ในด้านธุรกิจก็ไม่มีอะไรมาก

JMART ราคาหุ้นเป็นขาขึ้นมาโดยตลอดนับจากช่วงปลายเดือนสิงหาคม 60

ค่าพี/อี อยู่ที่ระดับ 25 เท่า ยังต่ำกว่าของ COM7 (34 เท่า) และ SPVI (41 เท่า)

ของหุ้น SPVI หากวันพุธ และวันพฤหัสบดีนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมกันมากกว่าหรือเท่ากับ 48.5 ล้านบาท ก็จะเข้าเกณฑ์ติด Cash Balance 6 สัปดาห์

ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะค่าเฉลี่ย 3 วันที่ผ่านมา (8, 11-12 ก.ย.) มีมูลค่าการซื้อขายวันละ 117.2 ล้านบาท

แม้ไอโฟนตัวใหม่ อาจไม่ได้รับการตอบรับที่ดี

แต่ COM7 และ JMART ก็ยังเป็นตัวแทนขายมือถือยี่ห้ออื่นๆ เช่น COM7 ที่ขายของซัมซุงด้วย (ยอดขาย iPhone มีสัดส่วนสร้างรายได้มากสุด) โดยเฉพาะ Note 8 ที่กำลังเปรี้ยงปร้างขณะนี้

ในมุมมองของนักวิเคราะห์เห็นว่ายังต้องเฝ้าดูยอดขายในประเทศไทย

ก่อนจะดีดลูกคิด

เพื่อเคาะราคาเป้าหมายอีกครั้ง