TM มดงานสร้างฝัน

วันนี้และอนาคตข้างหน้าในฐานะผู้นำของทีมบริหารบริษัทจดทะเบียนมหาชน จำต้องหาทางล่าฝันและเติมความฝันให้กลายเป็นจริงทั้งจากโอกาสที่เข้ามา และโอกาสที่แสวงหา


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

วันนี้และอนาคตข้างหน้าในฐานะผู้นำของทีมบริหารบริษัทจดทะเบียนมหาชน จำต้องหาทางล่าฝันและเติมความฝันให้กลายเป็นจริงทั้งจากโอกาสที่เข้ามา และโอกาสที่แสวงหา

ความสำเร็จจากการสร้างยอดขายจนถือเป็นกิจการระดับหัวแถวของธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์แบบ “ใช้แล้วทิ้ง” โดยมีลูกค้าหลักคือโรงพยาบาลและคลินิกทั้งหลายทั่วประเทศกำลังจะต้องสร้างดาวรุ่งใหม่มาเสริมอย่างจริงจัง … ด้วยเหตุผล 1) ลดความผันผวนของรายได้และกำไร 2) เพิ่มโอกาสในอนาคต

หลังจากการปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้ารายได้โตปีนี้ 20% หรือแตะ 600 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำไว้ 511 ล้านบาท โดยเน้นการขายแบบเพิ่มมาร์จิ้นในยอดขายทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะ 1) เน้นสินค้า OEM มากขึ้น 2) เพิ่มน้ำหนักสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ และเครื่องมือผ่าตัดทั่วไปที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น

เป้าเติบโตดังกล่าวถือว่า ไปเร็วกว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมทางด้านการแพทย์ และโรงพยาบาลปีนี้ ที่คาดหมายว่าน่าจะโตได้ราว 5-7% … แสดงว่ามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น

เป้าหมายที่โตเกินอุตสาหกรรมอย่างนี้ ชวนให้ตั้งคำถามตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะทำได้หรือไม่…หากพลาดก็เจ็บ

ผลลัพธ์ของคำถามดังกล่าวคือ ราคาหุ้นที่มีแนวต้านใกล้4.00 บาท ขึ้นไม่ได้… และเมื่อขึ้นไม่ได้ ก็ต้องร่วง เป็นสูตร

ราคาหุ้นTM ที่ต่ำเตี้ยแถวๆ3.25 บาทหรือต่ำกว่านั้น จึงเปิดช่องให้ซื้อของถูก เพราะผลประกอบการยังเดินหน้า

งบครึ่งปีแรก บอกข้อเท็จจริงที่หลอกใครไม่ได้ว่า กำไรสุทธิ (โดยไม่มีกำไรพิเศษ) 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.30 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 33.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.70 ล้านบาท บอกคุณภาพแบบ”เล็กดี รสโต”ชัดเจน

กำไรที่เพิ่ม เกินกว่าการเพิ่มของรายได้รวมที่มีอยู่ 295.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 271.69 ล้านบาท

โดยการเติบโตของทั้งกำไร และรายได้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการสั่งซื้อสินค้าของโรงพยาบาลรัฐบาล และโรงพยาบาลเอกชนในกลุ่มอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลือง และกลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นผลจากการขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นเข้าไปยังกลุ่มลูกค้า… เป็นสำคัญ

อัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.8% เป็น 5.7% ถือว่าเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้…ไม่ได้มโนนึกเอาเอง

ความสำเร็จ “เกินคาด” ในครึ่งแรกของปี ทำให้สตรีแกร่ง ออกโรงมาตอกย้ำ ว่าไม่ต้องห่วงว่าเป้าที่วางไว้ จะไปไม่ถึงเพราะถือเป็นฤดูกาลขาย (ไฮซีซั่น) ของบริษัทที่คุ้นเคย ดังนั้นจึงปรับเพิ่มเป้าใหม่ด้วย

นางสุนทรีระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลังคำสั่งซื้อเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐจะมีการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือการแพทย์ออกมาจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐประมาณ 60% และงานภาคเอกชนประมาณ 40% ซึ่งมีฐานลูกค้าที่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลกว่า 500 รายทั่วประเทศ และโรงพยาบาลเอกชนกว่า 200 ราย รวมถึงคลินิก หรือสถาบันการแพทย์อื่นๆ ซึ่งมีการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทโดยตรงอีกกว่า 100 รายทั่วประเทศ

​ดังนั้นภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2560 บริษัทจึงปรับเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็น 630 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ 600 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้ 558 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้กำหนดกลยุทธ์เพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ ผลักดันส่วนแบ่งการตลาดให้ปรับตัวดีขึ้น

​ เป้าใหม่ของ TM เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพราะระบุว่า จะทำให้มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10% จากปี 2559 อยู่ที่ 4.82% และตั้งเป้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นระดับไม่ต่ำกว่า 40% จากปี 2559 อยู่ที่ 41.32% เป็นผลจากการเพิ่มจำนวนยอดขายของผลิตภัณฑ์ และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ไม่เพียงเท่านั้น การ​เพิ่มจำนวนสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการตลาดออนไลน์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้าง โดยอยู่ระหว่างเจรจาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง

บริษัทดีๆ อย่างนี้ มีหรือจะหลุดรอด “ตาแมว” ไปได้ เพราะล่าสุด TM ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มูลค่า 130 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และใช้สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน และห้องจัด และโชว์รูมแสดงสินค้าแห่งใหม่ … กลัวว่าจะไม่ยอมกู้หนี้ให้ธนาคารขาดรายได้จากดอกเบี้ยไปอีก ต้องทำบายศรี ผูกข้อมือเอาไว้ให้แน่นหนา

การแตกไลน์สินค้า และเพิ่มมาร์จิ้นเป็นปัจจุบันที่ต้องทำให้เข้มข้น แต่การสร้างโอกาสก็ยังเดินหน้าไขว่คว้าไปเรื่อยประสา “มดงานจอมขยัน” นับแต่ 1) มองหาโอกาสขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังประเทศกัมพูชา เมียนมา และสปป.ลาว โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในการร่วมทุน (Joint Venture) คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ 2) รุกคืบการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) หรือถือหุ้นในรูป “แปลงพันธมิตรเป็นหุ้นส่วน” กับบริษัทในต่างประเทศ ซึ่งไม่รีบร้อน เพราะยังมีเงื่อนไขมากมายให้พิจารณา

การเติมฝันสร้างอนาคตแบบ “รักสิบล้อ รอสิบโมง” เช่นนี้ เป็นการสร้างความเคยชินมากกว่า ตามประสาสาวน้อยที่มีคนต่างชาติเข้าจีบ ต้องเล่นตัวตามฟอร์ม … ไม่งั้นราคาตกแย่

อิ อิ อิ

Back to top button