THAI กระสุนนัดเดียว NOK หลายตัว
ทันทีที่มีข่าวการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ของ นายพาที สารสิน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2560 เป็นต้นไป พร้อมทั้งแต่งตั้งนายพาที เป็นรองประธานบอร์ด NOK เสียงขานรับเชิงบวกก็ดังขึ้นโดยไม่ต้องเก็บงำอำพรางรักษาฟอร์มกันเลยทีเดียว
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ทันทีที่มีข่าวการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ของ นายพาที สารสิน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2560 เป็นต้นไป พร้อมทั้งแต่งตั้งนายพาที เป็นรองประธานบอร์ด NOK เสียงขานรับเชิงบวกก็ดังขึ้นโดยไม่ต้องเก็บงำอำพรางรักษาฟอร์มกันเลยทีเดียว
เริ่มตั้งแต่ ราคาหุ้นของ NOK ในวันที่ 15 กันยายน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 8.79% ปิดตลาดที่ราคา 5.20 บาท บวกเพิ่มขึ้น 0.42 บาท โดยการซื้อขายระหว่างวันทำราคาสูงสุดที่ 6.05 บาท มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 995.11 ล้านบาท ขานรับข่าวชนิด…ไม่ต้องเหนียมอายแบบสาวพรหมจารีย์แรกต้องตาชายหนุ่ม
นักลงทุนคงคิดง่ายๆ แบบทฤษฎี “แพะรับบาป” ว่า …หากมีใครที่เป็นตัวซวยออกไปจากองค์กรแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นในฉับพลัน…ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะถูกหรือผิด เพราะยังไม่ได้พิสูจน์อะไร
คนอย่างนายพาทีคงต้อง “กลืนเลือด” เก็บความแค้นครั้งนี้ เป็นบทเรียนต่อไปในอนาคต..เผื่อว่าจะได้กลับมาใหญ่โตอีกครั้งในวันหน้า
คำพูดหลังอำลาเก้าอี้ของนายพาที ซึ่งโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า “…บัดนี้ได้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยน เพื่อก่อ …ผมก็จะเปลี่ยนหน้าที่เป็นรองประธานกรรมการ และมีส่วนช่วยนกแอร์ในฐานะที่แตกต่างไป..” จึงไม่มีความหมายต่อภาพรวม แต่มีความหมาย…ส่วนตั๊ว ส่วนตัว…มากกว่า
ว่ากันตามจริงแล้ว งานนี้ ก็ไม่น่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะคนที่มานั่งเก้าอี้แทนนายพาที คือ นายปิยะ ยอดมณี (มีผลตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2560 เช่นกัน) มือรองเก่าแก่ของนายพาทีนั่นเอง และตัวของนายปิยะยังนั่งควบตำแหน่ง CEO บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือร่วมทุนอยู่ด้วย…แต่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ และภาพลักษณ์ มีมากกว่าแน่นอน
โจทย์สำคัญของการลาออกของนายพาทีมีอยู่เรื่องเดียวที่บังเอิญมาประจวบเหมาะกันพอดี คือ ความจำเป็นต้องเพิ่มทุนใหม่ครั้งที่สองในปีนี้ของ NOK นั่นเอง
เมื่อเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการของ NOK มีมติเพิ่มทุนรอบที่ 2 ของปีนี้ ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,207 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 1,135,999,882 หุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ หรือ อาร์โอ (RO) ในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท โดยวันที่ 20 กันยายนนี้ จะทำการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NOK เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนดังกล่าว เพื่อกำหนดวันจองซื้อในช่วงวันที่ 16-20 ตุลาคม
การเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เกิดจากผลของการเพิ่มทุนครั้งแรก เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการออกหุ้นใหม่ 781.25 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 625 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 2.40 บาท ที่เหลือรองรับวอร์แรนต์อีก 156.25 ล้านหน่วย เพื่อจูงใจขายหุ้นให้หมด แต่กลับพลิกล็อกเพราะขายได้ไม่หมดได้แค่ 510,999,882 หุ้น…เหลือขายเพราะไม่มีใครเอาอีก 114,000,118 หุ้น ทำให้บริษัทได้เงินสุทธิจำนวนแค่ 1,224.62 ล้านบาท
เหตุผลสำคัญมาจากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ที่เดิมถือหุ้นอยู่ 39.6% ไม่ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุน ตามสิทธิที่จะรับ 245 ล้านหุ้น ด้วยเหตุผลว่า ไม่แฮปปี้ที่ NOK ไม่ยอมส่งแผนธุรกิจอนาคตมาให้ และ THAI ไม่ได้มีเงินให้ล้างผลาญเหมือนเดิม…เปิดทางให้กลุ่ม “จุฬางกูร” รุกคืบเข้าถือหุ้นใหญ่รวม 28.93% รับทุกขลาภ แบบเนื้อๆ
การขายหุ้นไม่หมด ทำให้เมื่องบผลประกอบการออกมาในครึ่งแรกของปี มีตัวเลขขาดทุนไปแล้ว 945.26 ล้านบาท ส่งผลต่อตัวเลขส่วนผู้ถือหุ้นที่เพิ่มมาครั้งแรกหมาดๆ ทำท่าจะหมดเกลี้ยง หากสถานการณ์ไตรมาสสาม (ช่วงโลว์ซีซั่นที่สุดของปี) ยังเลวร้ายกว่าเดิม หรือเท่าเดิม
โจทย์จึงตกที่ว่า THAI จะยอมเพิ่มทุนรอบใหม่หรือไม่ หากนายพาทียังนั่งที่เดิม.???
คำตอบชัดเจนมาล่าสุดวานนี้ เมื่อ ร.อ.มนตรี จำเรียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืนของ THAI ออกมาพูด….โดยไม่ต้องรอบอร์ดของ THAI ลงมติกันก่อน
ร.อ.มนตรีออกมาระบุ “คาดว่า” THAI จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนรอบใหม่ เพราะเห็นว่าแผนฟื้นฟูกิจการของ NOK มีความชัดเจนกว่าครั้งที่แล้ว โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 380 ล้านบาทในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ NOK รอบนี้ และเสริมว่า THAI จะพิจารณาให้ชัดในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน NOK ก่อนวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NOK ในที่ 20 กันยายน ที่จะมีวาระการเพิ่มทุนรอบใหม่
ร.อ.มนตรี บอกอีกว่า การลงทุนใน NOK…“ต้องไม่เป็นการลงทุนสูญเปล่า” ขึ้นกับประเด็นสำคัญ 2 ด้านของ NOK คือ 1) ความชัดเจนของแผนฟื้นฟูที่มีการลดต้นทุนการสร้างรายได้ 2) การบริหารจัดการที่มีการเปลี่ยนแปลง
คำพูดของ ร.อ.มนตรีในทำนอง “คนล้มต้องเหยียบ” ที่ว่า “มอง ณ ปัจจุบันตัวแผน การบริหารจัดการ NOK เริ่มชัดเจน…”บอกนัยถึงการจากไปของนายพาทีชัดเจนยิ่ง …ทั้งที่เป็นการพูด”ก่อนเวลา” เพราะเรื่องนี้ยังไม่ผ่านบอร์ดของTHAIเลย
ยิ่งไปกว่านั้นคำพูด”ล่วงหน้า”ของ ร.อ.มนตรีถึงขั้นระบุว่า “…คาดว่า NOK จะมีการเพิ่มทุนรอบที่ 3 ให้กับพันธมิตรต่างประเทศ เพราะการมีพันธมิตรจะช่วยให้สายการบินมีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันกับรายอื่นได้…” ยังเข้าข่าย …ยังไม่ทันเห็นน้ำ รีบตัดกระบอกไม้ไผ่..ชวนตั้งคำถามว่า พูดเกินหน้าที่หรือไม่
นายพาที คงต้องบันทึกชื่อ ร.อ.มนตรีคนนี้เอาไว้ในบันทึกช่วยจำ…แต่จะเอาไปทำอะไรต่อ ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
อิ อิ อิ