พาราสาวะถี

อรชุน

วันนี้จะได้รู้กันแล้วว่าชะตากรรมของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นอย่างไร หลังการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผลแห่งคำตัดสินไม่ว่าจะรูปแบบใด เวลานี้ต้องยอมรับว่า มีผลกระทบทั้งสิ้นจะมากหรือน้อยก็เท่านั้นเอง ในส่วนของทีมคลี่คลายการหายตัวไปของอดีตนายกฯหญิงก็จะใช้จังหวะดังกล่าวนี้ปฏิบัติการณ์ใหญ่ (หากเป็นไปตามที่คุณแหล่งข่าวว่าไว้)

ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นจังหวะเวลาที่ทำให้ยิ่งลักษณ์ปรากฏกายเพื่อแสดงปฏิกิริยาอย่างหนึ่งอย่างใดหรืออาจจะเก็บตัวเงียบเป็นมนุษย์ล่องหนเหมือนเดิม ส่วนท่วงทำนองของกองแช่งและกองเชียร์อารมณ์ที่จะแสดงออกย่อมต่างกันอย่างสิ้นเชิง วันนี้ สถานการณ์จึงไม่น่าจะอยู่ที่ว่ายิ่งลักษณ์จะถูกตัดสินอย่างไร แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลคสช.จะแสดงท่าทีอย่างไรหลังคำพิพากษา

มาถึงนาทีนี้แม้จะมีความพยายามในการทำให้ปมการหายตัวไปของยิ่งลักษณ์เกิดความกระจ่างชัด เพื่อจะไม่ให้เป็นแรงกดดันต่อผู้มีอำนาจ แต่หากเอกสารการสอบปากคำที่เล็ดลอดผ่านหน้าสื่อเป็นของจริง ยังมองไม่เห็นว่ากระบวนการเอาผิดกับตำรวจทั้ง 3 นายนั้นจะถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาใด และยังไร้วี่แววที่จะทราบว่ายิ่งลักษณ์หลบซ่อนอยู่ ณ แห่งหนใด

เข้าใจได้ว่าอะไรก็ตามเมื่อมันมีเงื่อนงำที่ซับซ้อน ซึ่งไม่ใช่แค่การไขความกระจ่างเรื่องการหายตัวไปของผู้ต้องหาคนสำคัญ โดยการที่พบร่องรอยและหลักฐานของผู้ร่วมขบวนการ แต่การที่จะสืบสาวไปถึงตัวคนบงการ คำถามที่จะตามมาก็คือ ในยุคแห่งรัฐบาลที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและเกาะติดตามอดีตนายกฯหญิงทุกฝีก้าวนั้น ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร

ไม่ว่าจะมีความคืบหน้ามากน้อยขนาดไหน คำถามมันก็จะวกกลับไปยังจุดตั้งต้น เพราะตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีเป็นที่รู้กัน แม้กระทั่งยิ่งลักษณ์เข้าห้องน้ำยังถูกตามประกบ แล้วในห้วงเวลาที่เข้าด้ายเข้าเข็มทำไมถึงปล่อยให้หนีได้ง่ายดายเหลือเกิน นี่แหละคือเงื่อนปมที่ถูกซ่อนไว้ ถามว่าแม้ฝ่ายผู้มีอำนาจจะนั่งยันนอนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นหรือช่วยยิ่งลักษณ์หนี แต่มีซักกี่คนที่จะเชื่อตามนั้น

ความเคลือบแคลงที่ดำรงอยู่นั้น สัมผัสได้จากสิ่งที่ สุริยะใส กตะศิลา ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายทักษิณชัดเจน กล่าวถึงขบวนการพายิ่งลักษณ์หลบหนีว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนจับตามอง และจะเป็นบทพิสูจน์ว่าคสช.จริงจังที่จะสะสางเรื่องนี้ให้เป็นที่กระจ่างต่อสังคมหรือไม่ อย่าลืมว่าความคลางแคลงใจของประชาชนต่อเรื่องนี้สูงมาก และคสช.ก็ถูกมองว่าปิดตาข้างเดียวปล่อยให้ยิ่งลักษณ์หลบหนี

สิ่งที่ตรงใจกับคนจำนวนไม่น้อยก็คือ เรื่องนี้ชักเริ่มแปลกๆ สังคมต้องจับตาอย่างใกล้ชิดอย่าให้เป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะคนร่วมขบวนการก็รับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้พาหลบหนีจริง และโยงกับคนมีอำนาจทั้งในราชการและนอกราชการ และการปล่อยตัวผู้ต้องหาไปง่ายๆ ก็อาจโดนคุกคามปิดปาก หรือตัดตอนได้ในที่สุด

อย่าคิดว่าเร่งรีบสอบสวนตัดตอนคดีเพื่อให้จบๆ คลายข้อแคลงใจของสังคมเท่านั้น ระวังสังคมจะมองว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด ผลเสียจะเกิดขึ้นกับรัฐบาลและคสช.ในที่สุด ที่สำคัญจะทำลายความไว้วางใจของประชาชนต่อระบบยุติธรรมด้วย ประเด็นหลังนี้อาจจะดูมากเกินไปเสียหน่อย แต่ก็พอจะจับความรู้สึกของสุริยะใสได้ว่า ความผิดหวังเล็กๆ จากการที่ปล่อยให้ยิ่งลักษณ์หนีมันสร้างความเจ็บปวดต่อกองแช่งเป็นอย่างยิ่ง ที่คนซึ่งฝากความหวังไว้สูงลิ่ว ไม่สามารถลากเอาตัวคนตระกูลชินวัตรเข้าคุกได้

จะว่าไปแล้วสำหรับสุริยะใส น่านับถือน้ำใจไม่น้อยที่ยังมีแรงที่จะแสดงความเห็นทักท้วงต่อกระบวนการตามล่าหายิ่งลักษณ์ เพราะตัวเองกับพวกอดีตแกนนำระบอบสนธิ-จำลองรวม 13 คนก็เพิ่งถูกศาลฎีกาปฏิเสธคำขอที่จะให้ขยายเวลายื่นฎีกาในคดีแพ่งที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งหมด จ่ายค่าเสียหายรวม 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551 เป็นต้นมา ให้กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.

อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองในห้วงเวลาดังกล่าว คงต้องดูว่าทั้งหมดจะใช้วิธีการไหนที่จะชำระเงินทั้งหมด แต่ก็มีคำแนะนำมาจาก รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ว่าจำเลยหรือลูกหนี้สามารถมายื่นคำร้องกับกรมบังคับคดี ให้ช่วยประสานในเรื่องการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดีได้ ก่อนที่จะมีการบังคับคดีตามคำพิพากษา

หลังจากได้รับคำร้องแล้ว กรมบังคับคดีจะออกหนังสือแจ้งไปยังโจทก์ ซึ่งในคดีนี้คือ ทอท. เพื่อแจ้งว่าลูกหนี้หรือจำเลยมีความประสงค์จะไกล่เกลี่ย เมื่อมีการมาพบเจรจาไกล่เกลี่ย ทางลูกหนี้ก็จะเสนอว่าสามารถดำเนินการจ่ายได้เท่าไหร่ เป็นงวด รายเดือน รายปี ตามยอดหนี้ที่ต้องชำระ หากมีการตกลงและรับข้อเสนอได้ทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะต้องทำบันทึกข้อตกลงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี ลงนามทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการชำระหนี้

แต่การออกตัวของอธิบดีกรบบังคับคดีทำให้ไม่รู้ว่าจะทำให้อดีตแกนนำระบอบสนธิ-จำลองถอนหายใจหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวบอกว่า ที่ผ่านมากรมบังคับคดีไม่เคยไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดีในยอดที่หนี้ค่อนข้างสูงแบบนี้ ส่วนใหญ่จะไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี ในลูกหนี้รายย่อยเป็นส่วนมาก เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนชำระค่างวดรถ เท่านั้น

ความจริงกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีนี้ก็มีหลากหลาย ฝ่ายตรงข้ามก็เห็นว่ายอดเงินดังกล่าวยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีสายการบินที่ได้รับผลกระทบร่วมฟ้องร้องด้วยมูลค่ามันจะมหาศาลมากกว่านี้ คงไม่ดีแน่ที่จะไปซ้ำเติมผู้เสียหายเช่นนั้น แต่กรณีนี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า หากบังคับใช้กฎหมายกันอย่างจริงจังแล้ว พวกม็อบป่วนเมืองที่ทำอะไรเกินเลยกว่าสิทธิและเสรีภาพที่ได้รับ ย่อมต้องก้มหน้ารับชะตากรรมกับสิ่งที่ตัวเองก่อ แต่คงมีข้อยกเว้นสำหรับม็อบผู้ยิ่งใหญ่อย่างกปปส. ที่คงไม่ต้องสาธยายว่าเพราะอะไร