ตั้งใจหลอก?โมนิก้าและทีมงาน

*ถามว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแย่กว่าที่เป็นอยู่มีเรื่องอะไรบ้าง? “โมนิก้า” ขอตอบว่า ก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่ทุกคนรู้อยู่เต็มอก เพียงแต่นักลงทุนกลุ่มไหนจะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการเทขายหุ้น ก็เป็นสิทธิ์ของนักลงทุนกลุ่มนั้นที่จะเม้าท์ถึงเรื่องดังกล่าว เดี๊ยนในฐานะคนชอบอ่านเกมตลาดหุ้นในช่วงผันผวนเป็นชีวิตจิตใจ ย่อมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ผิดแผกไปจากที่ควรจะเป็นเจ้าค่ะ

*สิ่งหนึ่งที่ต้องคิดเป็นลำดับแรกคือ ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,501.30 จุด ลบไป 9.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.20 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนการลงทุนระยะสั้นๆ ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และตัวแปรที่ทำให้เป็นเช่นนั้นมาจากความหวาดวิตกกังวลของนักลงทุนบางกลุ่ม “โมนิก้า” ถึงไม่ขอโทษว่า ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้ดัชนีจวนเจียนจะหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาจุดแรกไงล่ะค่ะ

*เนื่องจากข้อมูลตัวเลขที่แสดงออกมาในคราวนี้กลายเป็น กองทุนเก็บหุ้นเข้าไป 1.85 พันล้านบาท ฝรั่งตาน้ำข้าวขอเก็บอีก 1.67 พันล้านบาท ขณะที่ปอบผีฟ้าทิ้งหุ้นออกมา 2 พันล้านบาท ส่วนแมงเม่าก็ขายทำกำไรอีก 1.44 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงมองประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงแค่เกมการเงิน แต่ละฝ่ายพยายามหาเหตุผลมาบอกให้คนอื่นคล้อยตามตนเองก็เท่านั้นเองค่ะ

*สิ่งที่ต้องตามให้ทันอย่างหนึ่งคือ การเคลื่อนตัวของดัชนีตั้งแต่ต้นปี 58 จนถึงวันนี้มีรูปแบบเป็นลักษณะ w-shape ก็จริง แต่ในภาพดังกล่าวยังแฝงไว้ด้วยเรื่อง จุดสูงสุดของการเด้งกลับต่ำกว่าครั้งก่อน หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นมานิดหนึ่งคือ ไซด์เวย์ดาวน์!  และจังหวะดังกล่าวก็เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันทยอยเก็บของเข้าพอร์ต หลังจากนั้นจะไปเทขายหุ้นเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้นเจ้าค่ะ

*งานนี้อยู่ที่นักเล่นมองยุทธวิธีดังกล่าวเป็นการ “หลอกให้ตายใจ” หรือ “ตั้งใจหลอก” เพราะบางกระแสบอกอย่างนั้น บางกระแสบอกอย่างนี้ แต่สุดท้ายอยู่ที่จังหวะใครเร็วกว่ากัน เหตุผลเรื่องกรีซผิดชำระหนี้ แล้วนำไปสู่การเทขายหุ้นทิ้ง มันเกิดขึ้นมาแล้วหลายรอบ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่กองทุนใหญ่เข้ามาซื้อๆ ขายๆ ในช่วงที่ความชัดเจนต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมพะยะค่ะ

*เหมือนกับหุ้น KBANK กับ  BBL แกว่งตัวลงอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ก็เด้งขึ้นสวนตลาดอย่างร้อนแรง “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักเล่นต้องหาคำอธิบายด้วยตนเอง ยกเว้นมองเรื่องนี้ในแง่สัญญาณเทคนิค ก็ต้องเม้าท์ว่า หุ้นลงมาถึงจุดเด้งกลับมาพักใหญ่ๆ ก็ควรแก่เวลาที่หุ้นจะเด้งกลับ วานนี้ถึงเห็นรายแรกวิ่งขึ้นมาปิดที่ 211 บาท บวกไป 3 บาท ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 187 บาท บวกไป 3.50 บาท “โมนิก้า” ถึงต้องหันมาเม้าท์เรื่องเกมการเงินมากเป็นพิเศษ เพราะเรื่องนี้อธิบายได้หลายแง่มุมเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ JAS ก่อนหน้านี้เม้าท์เป็นคุ้งเป็นแคว ไม่มีใครเล่นแล้ว หมดสตอรี่ที่จะบิ้วด์ สุดท้ายหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.10 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 3.70% “โมนิก้า” ไม่สามารถมองเป็นเรื่องอื่นได้ นอกเสียจากตั้งใจหลอกเอาของ? ในเมื่อแพทเทิร์นก่อนหน้านี้ยังเหมือนเดิม หุ้นก็ควรดีเหมือนเดิมใช่ไหม หรือใครจะเถียงว่า ไม่ใช่ ก็ส่งอีเมลมาพูดคุยกันก็ได้นะจ๊ะ

*ส่วนรายที่แปลกประหลาดสุดๆ เห็นจะเป็นในรายของ TASCO หากคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 17 เท่า บวกกับความสามารถในการทำกำไร ย่อมเป็นหุ้นที่น่าลงทุนมากที่สุดตัวหนึ่ง และถ้ามองตั้งแต่ต้นปี 58 ราคาหุ้นขยับขึ้นอย่างช้าๆ แถมในระหว่างทางมีการพักตัวให้เห็นเป็นระยะ น่าจะทำให้การขึ้นเที่ยวนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เหตุไฉนในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา หุ้นถึงรูดมหาราชอย่างง่ายดาย จากหุ้นเคยยืนอยู่แถว 16 บาท ล่าสุดวานนี้ลงมาอยู่ที่ 11.80 บาท ลบไป 1.60 บาท หรือลงไป 12% มันเป็นเรื่องที่ so sad มากๆ นะค่ะ

*ตรงกันข้ามกับม้าตีนปลาย BRR จู่ๆ มีแรงซื้อไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง จากต้นเดือน เม.ย. หุ้นยืนอยู่แถว 8 บาท ล่าสุดหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 10.50 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 8.25% รวมเบ็ดเสร็จเดือนเดียวให้รีเทิร์น 20% “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักเล่นต้องลองวิเคราะห์กันเอาเองว่า ตรงนี้ใช่จุดที่ต้องเล่นตามน้ำอีกหรือไม่? ในเมื่อค่า P/E ปาเข้าไป 29 เท่าแล้วนะซี

*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าคิดคงหนีไม่พ้น AUCT  เพราะเป็นหุ้นที่ถูกปูพื้นมาด้วยเรื่องกำไรโตก้าวกระโดด หุ้นถึงพยายามทำ new high ตลอดเวลา แต่ที่ผ่านมาทำไม่สำเร็จเพราะโดนเทขายทำกำไรตรงบริเวณ 20 บาทเป็นประจำ วันนี้ถึงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า จะทำสำเร็จหรือไม่?  หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 19.40 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นเจ้าค่ะ