พาราสาวะถี
จบแล้วสำหรับคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อวานนี้ โดยตัดสินจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายบังคับคดีให้นำตัวจำเลยมารับโทษ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจะดำเนินการต่อไป
อรชุน
จบแล้วสำหรับคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อวานนี้ โดยตัดสินจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายบังคับคดีให้นำตัวจำเลยมารับโทษ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจะดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจในส่วนของคำพิพากษาของศาล โดยส่วนแรกเรื่องข้อกล่าวหาเรื่องของการปล่อยปละละเลยทำให้เกิดความเสียหายในโครงการจำนำข้าวนั้น ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 5 ฤดูกาลผลิต แม้ว่าจะพบความเสียหายหลายประการ เช่น การสวมสิทธิการรับจำนำ การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ ข้าวสูญหาย การออกใบประทวนอันเป็นเท็จ การใช้เอกสารปลอม
การโกงความชื้นและน้ำหนักเพื่อกดราคารับซื้อจากชาวนา ข้าวสูญหายจากโกดัง ข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวเน่า ข้าวไม่ตรงตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ จำเลยในฐานะประธานกบข.ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการ อีกทั้งเมื่อพบความเสียหายดังกล่าว ในขณะดำเนินโครงการก็ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว
กรณีความเสียหายในส่วนนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติการหน้าที่โดยทุจริต หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนที่นำมาซึ่งคำพิพากษาให้จำคุกยิ่งลักษณ์เป็นเวลา 5 ปี อยู่ที่ประเด็นการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
โดยกรมการค้าต่างประเทศขายข้าวในสต๊อกของรัฐให้กับบริษัทกว่างตงฯ และบริษัทห่ายหนานฯ รัฐวิสาหกิจของมณฑล สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำวินิจฉัยว่า เป็นการขายข้าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแอบอ้างสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อนำข้าวมาเวียนขายให้แก่ผู้ค้าข้าวภายในประเทศ อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต
ในเรื่องนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้นำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจให้จำเลยทราบรายละเอียดและวิธีการขายที่ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติของการขายข้าวรัฐต่อรัฐ ตลอดจนผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าวที่เคยเกี่ยวข้องกับการทุจริตเกี่ยวกับการค้าข้าวในอดีต และบุคคลที่เป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคที่จำเลยสังกัดได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนของรัฐวิสาหกิจจีนที่มาซื้อข้าว
อีกทั้งก่อนมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ยืนว่า เป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐจริง ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้นายบุญทรงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่องค์ประกอบคณะกรรมการล้วนแต่เป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ภายใต้การบังคับบัญชาของนายบุญทรง และทำการตรวจสอบไม่ตรงตามประเด็นที่อภิปรายแสดงให้เห็นว่าไม่ตั้งใจตรวจสอบอย่างจริงจัง
และจำเลยเพิ่งปรับนายบุญทรงออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าจำเลยทราบว่าสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้มีการส่งมอบข้าวตามสัญญาให้รัฐวิสาหกิจจีนต่อไปอีก อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น
การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี นี่คือสิ่งที่ศาลมีคำพิพากษา จากนี้อยู่ที่ว่ายิ่งลักษณ์ในฐานะจำเลยจะมีท่าทีอย่างไร
ในส่วนของทนายความ นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ก็ได้บอกแต่เพียงต้องดูคำพิพากษาฉบับเต็มก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไรในการดำเนินการต่อไป ส่วนการอุทธรณ์จะต้องดูในรายละเอียดข้อกฎหมายว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง แน่นอนว่า หากมองตามกฎหมายใหม่ที่จำเลยจะต้องเป็นผู้ยื่นอุทธรณ์ด้วยตนเองนั้น ก็คงจะเป็นไปได้ยาก
เพราะจากคำบอกกล่าวของนรวิชญ์ยืนยันเองว่า นับตั้งแต่ก่อนวันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้น ไม่สามารถติดต่อยิ่งลักษณ์ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องไปตามลุ้นกันเอาว่าอดีตนายกฯหญิงจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่บทสรุปแห่งคดีที่ไม่เป็นการก้าวล่วงอำนาจศาล ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ามูลเหตุแห่งการนำมาซึ่งการตัดสินจำคุกยิ่งลักษณ์นั้นเป็นเรื่องของจีทูจี
ที่จะว่าไปแล้วตัวละครนอกเหนือจาก บุญทรง เตริยาภิรมย์ และ ภูมิ สาระผล แล้ว คนเดินเกมเรื่องจีทูจี ก็เป็นกลุ่มเดิมที่เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วเมื่อคราวคณะรัฐประหารคมช. แต่ก็ยังย่ามใจและดำเนินการกันแบบไม่เกรงกลัวความผิด งานนี้ “เจ๊” คนสำคัญไม่รู้ว่าจะสำนึกได้หรือเปล่าที่ถือเป็นตัวการสำคัญทำให้พี่น้องเดือดร้อนจากความละโมบไม่รู้จักพอ
สำหรับการติดตามตัวยิ่งลักษณ์เพื่อมาดำเนินคดีนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกกับนักข่าวเป็นนัยก่อนการตัดสินคดีว่ารู้แล้วยิ่งลักษณ์อยู่ไหน วันวานหลังคำพิพากษาท่านก็มาเฉลยต่อว่า อยู่ต่างประเทศ เมื่อถามต่อว่า ใกล้บ้านเราแถวประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ “ไม่รู้ๆไม่ต้องมาถาม” ก็เป็นอันว่าจบข่าว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการที่จะดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย
กรณีนี้ถ้าพิจารณาตามท้องเรื่อง หากยิ่งลักษณ์ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังคงเป็นมนุษย์ล่องหน และปล่อยให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเดินเกมในการติดตามตัวแบบสงวนท่าที ด้วยเหตุผลต้องรอบคอบ ไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้าน ทุกอย่างก็น่าจะดำเนินไปในทิศทางเช่นนี้ ที่เหลือก็ว่ากันไปด้วยเรื่องของโรดแมป เพราะถ้ายังมีการต่อความยาวสาวความยืดกันต่อไป ยังมองไม่เห็นว่าใครจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ