พาราสาวะถี 

เพราะทุกอย่างมันคือการเตรียมการและผ่านกระบวนการวางแผนมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้น ไม่ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะให้นิยามของคำว่าเลือกตั้งเอาไว้อย่างไร มันไม่ได้สลักสำคัญเท่าความตั้งใจที่ว่าต้องการจะให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นตามโรดแมปที่ตัวเองเป็นคนขีดเส้นเองหรือไม่ หรือยังอยากที่จะลากยาวอยู่ในอำนาจต่อไป


อรชุน

เพราะทุกอย่างมันคือการเตรียมการและผ่านกระบวนการวางแผนมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้น ไม่ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะให้นิยามของคำว่าเลือกตั้งเอาไว้อย่างไร มันไม่ได้สลักสำคัญเท่าความตั้งใจที่ว่าต้องการจะให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นตามโรดแมปที่ตัวเองเป็นคนขีดเส้นเองหรือไม่ หรือยังอยากที่จะลากยาวอยู่ในอำนาจต่อไป

การที่บอกคำว่าการเลือกตั้งก็คือการประกาศวันเลือกตั้ง มันก็ถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะความจริงและเป็นการพิสูจน์ความจริงใจ ไม่ต้องเล่นลิ้นเป็นศรีธนญชัย ก็ระบุให้ชัดไปเลยว่า จะเลือกตั้งเดือนไหน ปีไหน คงไม่ต้องให้ละเอียดถึงขั้นบอกวันที่ด้วยกระมัง แต่เมื่อเลือกที่อ้างเหตุผลด้วยข้อกฎหมาย แทนที่จะเป็นการแสดงความจริงใจมันเลยกลายเป็นการชักเข้าชักออกไปเสียฉิบ

หากฟังจากที่ วิษณุ เครืองาม เนติบริกรประจำรัฐบาล หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นมือกฎหมายใหญ่ของทั้งองคาพยพคณะรัฐประหารเสียด้วยซ้ำ พูดอธิบายเรื่องเงื่อนเวลาต่างๆ ในเมื่อมันลื่นไหลได้เพื่อรองรับกับกระบวนการพิจารณาที่อาจเกิดปัญหา ก็พูดเสียให้มันกระจ่าง “ตัวแปรมันเยอะ” โดยเฉพาะปัจจัยที่ว่าด้วยอำนาจแห่งการสืบต่อจะก้าวได้อย่างมั่นคงหรือไม่ ก็ป่าวประกาศออกไปเสีย จะได้ไม่ต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา เสียสัตย์เพื่อชาติหรือตระบัดสัตย์เพราะหวงอำนาจ

การอ้างกระบวนการหรือเงื่อนไขสารพัด ก็ต้องย้อนกลับไปถามต่อว่า ถ้าจะดำเนินการกันอย่างจริงจังแล้ว อำนาจพิเศษหรือมาตรา 44 สามารถงัดมาใช้เพื่อผ่าทางตันได้หรือไม่ คำตอบมันมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า จะหาคำอธิบายอย่างไรมาบอกกล่าวให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า การที่ไม่ใช้มาตรายาวิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาทางตันบางประการนั้น เป็นเพราะตัวเองไม่ได้ประโยชน์

เหล่านี้คือความเป็นจริงของสังคมไทยในห้วงเวลาแห่งความขัดแย้งกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ได้และแก้ไม่ตก หรือเข้าทำนองยิ่งแก้ยิ่งยุ่งนั่นก็คือ กระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอันเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผู้นำรัฐประหารหยิบยกมากล่าวอ้างและประกาศว่าจะทำให้หลักนิติรัฐ นิติธรรม กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม

แต่กลับเป็นว่ายิ่งอยู่นาน สิ่งที่สัมผัสผ่านการบังคับใช้กฎหมายกลายเป็นการเล่นงานอยู่แต่กลุ่มเดียวพวกเดียวเมื่อมันเป็นเช่นนั้นเสียแล้วเป้าหมายสำคัญอย่างการปรองดองจึงย่อมมองไม่เห็นหนทาง อีแค่กรณีการดำเนินคดีกับม็อบสารพัดสี ทำไปทำมากลายเป็นว่าคดีของพวกหนึ่งเร็วถึงขั้นตีคำร้องตกไป แต่ขณะที่อีกพวกทั้งปิดถนนกลางกรุง ทั้งยึดสถานที่ราชการ แต่จนป่านนี้ยังไม่มีเรื่องส่งขึ้นสู่ศาลแม้แต่คดีเดียว โดยเฉพาะพวกหัวโจก

ยิ่งปัจจุบันเห็นการออกหมายเรียก พานทองแท้ ชินวัตร คดีฟอกเงินกรุงไทย ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดมากยิ่งขึ้นว่าเป็นกระบวนการตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมเป็นธรรมหรือเป็นมิติทางการเมือง เพราะคดีดังว่ามีตัวละครเป็นหลักร้อยราย มิหนำซ้ำ บางตัวละครที่ควรจะถูกดำเนินคดีด้วยก็ปรากฏมีตำแหน่งแห่งหนร่วมองคาพยพของคณะรัฐประหารด้วย มันจึงยิ่งมีข้อเปรียบเทียบกันไปใหญ่

ไม่เพียงเท่านั้น ถ้อยแถลงของ เข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุดคนใหม่ต่อคดีของ ทักษิณ ชินวัตร แม้จะอ้างเรื่องข้อกฎหมายและการไม่ทำก็เสี่ยงต่อการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถามว่ามีคดีอื่นที่ผู้เสียหายไปยื่นเรื่องร้องถามแล้วยังไม่ดำเนินการอีกหรือไม่ แม้จะมีคำอธิบายอย่างไร ก็หลีกหนีประเด็นเลือกปฏิบัติไม่พ้น แต่ก็อีกนั่นแหละ ในยุคสมัยนี้วิจารณ์หรือร้องขอความเป็นธรรมไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว

คดี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เผ่นไปอยู่ต่างประเทศ ความคืบหน้ามีอยู่แค่การคุมตัว พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ พร้อมพวกไปสอบปากคำและขยายผล หัสแรกคึกคักกันถึงขั้นที่ว่าจะสาวไปถึงตัวบงการใหญ่ระดับพลตำรวจโท พลตำรวจเอกกันเลยทีเดียว รอเพียงแค่การนำผลดีเอ็นเอที่ตรวจค้นจากบ้านพักของอดีตนายกฯหญิงมาเทียบเคียงกับที่พบในรถโตโยต้าคัมรี่ที่ถูกระบุเป็นพาหนะพาหนีผ่านด่านทหารที่สระแก้ว

จนแล้วจนรอดป่านนี้ผลดีเอ็นเอก็ยังไม่เสร็จ และจากคุณแหล่งข่าวรายงานมาก็พบว่า ท่าจะคว้าน้ำเหลวเพราะดีเอ็นเอที่พบในรถมันปนเปื้อนอะไรต่อมิอะไร หากไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์จะไปติ๊ต่างเอาว่าตรงกับของยิ่งลักษณ์ คนที่ทำงานก็กลัวติดคุกติดตะรางเหมือนกัน มันเลยทำให้เกิดอาการสะดุด และไม่รู้ว่าจะเดินต่อกันไปยังไง

ขณะที่สิ่งที่ว่าแน่และเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญเพื่อต่อภาพของขบวนการพายิ่งลักษณ์หนีให้กระจ่างชัดขึ้นเกิดภาวะติดขัด จู่ๆก็ปรากฏข่าวทะลุกลางปล้องอ้างว่าอดีตนายกฯหญิงจะไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ข่าวนี้ต้องจบไปในทันทีเมื่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ยืนยันหนักแน่น “คิดกันไปเอง” ไม่เห็นจะมีวี่แววตรงไหน ประกอบกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทยออกมาตบหน้าฉาดใหญ่เป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ

จะว่าไปขบวนการมโนแล้วก็ปล่อยข่าวต่างๆนานานี่ต่างหาก ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการช่วยสนับสนุนรัฐบาลรัฐประหาร แต่ทำไปทำมากลับเป็นเรื่องของหวังดีประสงค์ร้ายไปเสียฉิบ เอาแค่ว่าวันนี้ให้มีหลักฐานยืนยันที่หนักแน่นให้ได้เสียก่อนว่ายิ่งลักษณ์อยู่ไหน ก่อนจะไปขุดคุ้ยหรือขยายประเด็นเรื่องอื่นๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เครดิตหรือความน่าเชื่อถือของรัฐบาลมีมากกว่าที่เป็นอยู่

โดยเมื่อมองจากโลกแห่งความเป็นจริงแล้วก็เหมือนอย่างที่พลเอกประวิตรยอมรับสภาพไปเมื่อสัปดาห์ก่อน คงต้องรอให้ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวด้วยตัวเองพร้อมแสดงท่าทีอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แต่คำพูดดังกล่าวหากมีเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง ก็ยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่อดีตนายกฯหญิงจะต้องออกมาเคลื่อนไหวใดๆ บอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ยิ่งเวลาผ่านไปนานวันเท่าไหร่แล้วยังไร้วี่แวว ภาวะกดดันทั้งหลายทั้งปวงจะตกอยู่ที่ผู้มีอำนาจ และนั่นก็จะทำให้เห็นภาวะหงุดหงิด เกรี้ยวกราดบ่อยครั้งขึ้น

Back to top button