พาราสาวะถี
ความหวังเรื่องการเลือกตั้งหากมองแบบฝันลมๆแล้งๆ แต่ก็ไม่ใช่ฝันแบบไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว โดยเกี่ยวเอาประเด็นเรื่องคณะกรรมการสรรหากกต.ชุดใหม่เริ่มประชุดนัดแรก และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ ก็น่าที่จะพอทำให้ความฝันดังกล่าวเป็นจริงได้ว่า น่าจะมีการเลือกตั้งได้เร็วกว่าที่ท่านผู้นำประกาศไว้
อรชุน
ความหวังเรื่องการเลือกตั้งหากมองแบบฝันลมๆแล้งๆ แต่ก็ไม่ใช่ฝันแบบไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว โดยเกี่ยวเอาประเด็นเรื่องคณะกรรมการสรรหากกต.ชุดใหม่เริ่มประชุดนัดแรก และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ ก็น่าที่จะพอทำให้ความฝันดังกล่าวเป็นจริงได้ว่า น่าจะมีการเลือกตั้งได้เร็วกว่าที่ท่านผู้นำประกาศไว้
ด้วยเหตุและปัจจัยที่มันมาประจวบเหมาะกันเอาในช่วงนี้ บวกกับคำพูดของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่บอกว่าดูทรงหรือสีหน้าแววตาของท่านผู้นำแล้วเหนื่อยล้าเต็มที ก็น่าจะถึงเวลาที่จะต้องส่งไม้ต่อให้กับรัฐบาลที่มากับการเลือกตั้งแม้มือที่จะเอื้อมมารับจะเป็นมือเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็น่าจะลดแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลรัฐประหารอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเชื่อถือเชื่อมั่น ตามที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ พูดต่อการเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศให้ชัดว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่กันแน่ไม่ใช่ยักแย่ยักยันอย่างที่ทำอยู่ เพราะนั่นจะทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศไทยเสื่อมถอย และเป็นสาเหตุที่การลงทุนจากต่างประเทศหดหายไป ซึ่งทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่มาตลอด และเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีกับประเทศ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ในเมื่อรัฐบาลคสช.ประกาศมาโดยตลอดทุกกระบวนท่าที่จะก้าวย่างจากนี้ไป ทั้งผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ จะต้องเป็นไปในรูปแบบไทยๆ ดังนั้น เหตุผลความเป็นสากลที่หลายคนหยิบยกมาตั้งเป็นคำถามให้ผู้มีอำนาจตอบ จึงไม่น่าจะมีความหมายอะไร ในเมื่อประชาธิปไตยที่กำลังจะเป็นไม่ได้ยึดโยงความเป็นสากลเป็นด้านหลัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับกระบวนการการสรรหากกต.ที่คณะกรรมการได้ประเดิมประชุมวางกรอบกันไปแล้วนั้น ความเห็นของ สมชัย ศรีสุทธิยากร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็น่าสนใจไม่น้อย ต่อกรณีที่ว่ามีกรรมการสรรหาอยู่ 1 รายอาจขาดคุณสมบัติ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่าตกอกตกใจ เพราะไม่ได้มีผลกระทบต่อการสรรหากกต.ชุดใหม่
สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้อยู่ที่วลีทองของสมชัยซึ่งบอกว่า กรธ.ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและคณะกรรมการสรรหากรรมการองค์กรอิสระสูงเกินไปในระดับขั้นเทพและมหาเทพ แม้จะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและคุณความดีประเสริฐล้น แต่จะทำให้ได้คนที่ไม่มีประสบการณ์ตรงในด้านการเมืองการปกครอง
ในมุมของสมชัยก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่หากมองยังเจตนาของกลุ่มคนดีที่เข้ามาเป็นองคาพยพแม่น้ำ 5 สายในรอบนี้แล้ว เขาเจตนาที่จะทำให้ได้นักการเมืองน้ำดี มีพรรคการเมืองที่ดี ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ด้านการเมืองการปกครอง กางตำราวิชาการและใช้ความต้องการของ “แป๊ะ” เป็นที่ตั้งแค่นั้นพอ
พอเป็นแบบนี้เรื่องที่ผู้นำไทยแลนด์ไปสัญญิงสัญญาไว้กับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่คนมะกันก็ไม่ค่อยจะรักซักเท่าไหร่ว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในปีหน้า ก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปซีเรียส จริงจังอะไร นั่นเป็นเพราะหากลองมองย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ท่านผู้นำก็เคยประกาศหลังรัฐประหารว่าจะเลือกตั้งปลายปี 2558 แล้วก็เลื่อน ตอนไปญี่ปุ่นก็บอกจะเลือกตั้งปี 2559 บนเวทีประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติก็ประกาศว่าประเทศไทยจะเลือกตั้งปี 2560
เมื่ออดีต (รายปี) ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานเป็นตัวบ่งบอกว่า เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน แต่สุดท้ายมันผ่านมาเกือบจะ 4 ปีแล้ว ประเภทหวังว่าเลือกตั้งจะมาถึงในเร็ววันก็คงต้องเลิกคิด ยิ่งพรรคการเมืองใหญ่ขยับมากเท่าใด เชื่อได้เลยว่าผลจะเป็นไปในทางตรงข้าม ต้องไม่ลืมว่าสิ่งหนึ่งที่ท่านผู้นำย้ำมาตลอดเวลาที่เข้ามาบริหารประเทศคือ ยิ่งไล่ยิ่งอยู่ยาว
กระนั้นก็ตาม ท่วงทำนองของท่านผู้นำดูเหมือนว่าจากเดิมที่มีแต่ฝ่ายตรงข้ามที่ไม่สบอารมณ์ ล่าสุดดูเหมือนว่าคนกันเองหรือจะเรียกว่ากลุ่มที่มีส่วนโบกมือดักกวักมือเรียกให้เกิดการรัฐประหารนั่นแหละ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ จะอดรนทนไม่ได้ที่มองเห็นความไม่ชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้ง ถึงขั้นที่ เจริญ คันธวงศ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ปกติไม่ค่อยจะแสดงทัศนะทางการเมืองเท่าไหร่ ยังต้องออกโรงมากระตุกผู้มีอำนาจ
เจริญมองว่าการประกาศวันเลือกตั้งของบิ๊กตู่ที่แนวโน้มอาจจะยาวไปถึงเดือนเมษายนปี 2562 จะส่งผลให้ประชาชนสับสนว่า ตกลงแล้วจะเป็นปี 2561 หรือปี 2562 กันแน่ คนจะไม่ค่อยเชื่อถือนายกฯอีก ถ้าจะให้ดีทางออกคือท่านผู้นำต้องพยายามยึดโรดแมปที่วางไว้ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ประชาชนเห็นเองว่า เหตุเกิดจากอะไร แต่ถ้าบอกให้ทั่วโลกรวมทั้งคนไทยรู้แล้วว่าจะประกาศวันเลือกตั้ง แต่ยังทำให้คนสันสน ประชาชนก็จะสิ้นศรัทธาและส่งผลกระทบกับประเทศ
นั่นเป็นเหตุของคะแนนนิยมที่ลดลง แต่สิ่งที่ผู้อาวุโสทางการเมืองในถิ่นเมืองหลวงของพรรคเก่าแก่สะกิดเตือนท่านผู้นำก็คือ ความคิดเรื่องที่จะตั้งพรรคการเมือง โดยเห็นว่า ไม่ต้องตั้งเพราะถ้าตั้งก็ไปไม่รอด ประวัติศาสตร์มีให้เห็นทหารตั้งพรรคการเมืองไม่เห็นรอดสักราย ที่ง่ายกว่าคือการเข้ามาเป็นนายกฯคนนอก เพราะรัฐธรรมนูญใหม่เขาเตรียมไว้เพื่อท่านโดยเฉพาะ เว้นเสียแต่เมื่อถึงเวลาจะไม่มีการใส่ชื่อพลเอกประยุทธ์เท่านั้น
แหม!อุตส่าห์จะชมแล้วเชียวว่าเป็นความเห็นที่ตรงไปตรงมาและยึดมั่นในหลักการอย่างแข็งขัน แต่เจริญดันจบท้ายด้วยประโยคที่ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่ได้กังวล เพราะต้องดูว่าประชาชนต้องการอย่างไร เราก็ปฏิบัติตามที่ประชาชนต้องการ นั่นหมายความว่า ถ้าเขาอยากให้คนนอกเป็นนายกฯ ก็รับได้ใช่ไหม ทำเอากองเชียร์ที่รักประชาธิปไตยจำนวนไม่น้อยผิดหวังไปตามๆ กัน
ถึงอย่างไรไม่ว่าจะมีกระแสข่าวอย่างไร ต้องไม่ลืมว่าห้วงเวลานี้ประเทศไทยมีสถานการณ์พิเศษ ที่คนทั้งประเทศให้ความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมหากใครจะมาเรียกร้องหรือเคลื่อนไหวในมิติทางการเมืองในช่วงนี้ ประกอบกับยังมีช่วงเวลาที่รัฐบาลนี้จะต้องดำเนินการเรื่องสำคัญอีก นั่นจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลคสช.สามารถอยู่ต่อได้โดยไร้เสียงก่นด่า แม้ประชาชนจะมีปัญหาเรื่องปากท้องเพียงใดก็ตาม